วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

91: รวมพระสมเด็จวัดระฆังชุดล่าสุด

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงผสมปูน และคล้ายกันกับผสมเนื้อกล้วยสุก เป็นพระพิมพ์ยุคกลางของหลวงปู่โต พระพิมพ์และเนื้อแบบนี้ ผมเคยดูและสัมผัสมาแล้ว ซึ่งเป็นพระของนายทหารเรือท่านหนึ่ง(บำเพ็ญโพธิญาณ) มีพลังมหาศาลดึงมือผมวนขึ้นเหนือศรีษะจนตัวผมต้องลุกจากการนั่ง แต่อย่างไรก็ตาม นายทหารท่านนั้นก็เคยนำไปเวทีประกวดพระเพื่อ... เขาบอกว่า ไม่ใช่และก็ไม่รับ ก็ลองพิจารณาเอาเองนะครับว่า เด็กรับพระของเซียนหรือผู้บำเพ็ญโพธิญาณ ใครจะรู้ดีกว่ากัน ตอนนี้ลองดูพระของผมไปก่อนนะครับ ใครมีหรือใครเจอก็จงหวนแหนไว้ให้ดี พระเบื้องบนองค์ผู้สร้างนั้น ท่านเปิดไว้ให้สำหรับผู้มีบุญเท่านั้น (พระปลอมลักษณะนี้ก็มีอยู่มากเช่นเดียวกัน)

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
19 ธันวาคม 2554




ช่วงของการเรียนรู้สิ่งมงคลกับ ดร.นนต์

ช่วงนี้เป็นช่วงแห่งการเรียนรู้พระสมเด็จของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พระผู้เสด็จลงมาโปรดโลกในช่วงก่อนกึ่งกลางพระพุทธศาสนา ที่พวกเราเหล่านักรบธรรมให้ความเคารพศรัทธาเฉกเช่นเดียวกันกับพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโชเจ้า วัตถุมงคลของท่านหลวงปู่โตที่รังสรรค์ขึ้นมา ล้วนเพื่อการสืบต่อพระพุทธศาสนา ท่านสร้างไว้เพื่อเป็นสมบัติของแผ่นดิน ของโลก และของจักรวาล เมื่อสร้างเสร็จท่านก็ละวางไว้ให้ลูกหลาน หรือผู้ที่เคยบำเพ็ญบุญบารมีมาอย่างใกล้ชิดกับองค์ท่าน ได้กลับมาพบเจอวัตถุเหล่านั้นอีกครั้ง ก็เพื่อจะได้นำไปสู่การบำเพ็ญบุญบารมี และเป็นการปกปักรักษาลูกหลานของท่าน ตราบจนวัตถุเหล่านั้นจะเสื่อมสลายกลายเป็นธาตุทั้งสี่อีกครั้ง

พระที่นำมาลงในภาพนี้ เป็นพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เกศบัวตูม (พิมพ์นี้มีหลายพิมพ์) ข้อสังเกตของพระสมเด็จบางขุนพรหมก็คือ เนื้อในจะเป็นผงละเอียดสีขาวซุย มีเม็ดมวลสารน้อยและละเอียดกว่าพระสมเด็จวัดระฆัง ผิวหน้า (Surface) ขององค์พระจะมีสีเหลืองออกเขียว มีคราบกรุติดแน่น และพระที่ยังไม่ผ่านการล้างมาก มักจะพบผงทองคำแท้ อยู่มากบ้าง น้อยบ้าง พระองค์นี้ยังไม่ผ่านการล้าง และมีความสมบูรณ์มาก ด้านหลังเป็นแบบกระดาน ธรรมชาติสวยงามองค์หนึ่งของเมืองไทย และมีพลังดึงมือผมวนขึ้นเหนือศรีษะแรงมาก ซึ่งเป็นคุณลักษณะเฉพาะของหลวงปู่โตครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
19 ธันวาคม 2554


พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เนื้อเขียวก้านมะลิ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล
21 ธันวาคม 2554

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ เนื้อเขียวก้านมะลิ (ผ่านการล้าง) ที่หายากอีกเนื้อหนึ่งของพระสมเด็จ พระองค์นี้บางคนอาจบอกว่าเป็นพระสมเด็จบางขุนพรหม อันเนื่องมาจากพิมพ์ตื้นและมีเนื้อออกสีเขียวเหมือนกับบางขุนพรหม แต่หากพิจารณาให้ดี จะพบว่า แม้พิมพ์จะตื้น แต่ความคมชัดและรูปทรงของพระยังคงเดิมอยู่ ไม่บิดเบี้ยว อีกทั้งเนื้อละเอียดออกสีเขียว แต่ปรากฏเม็ดมวลสารชัดเจนมากกว่าพระบางขุนพรหม ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า เป็นพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่อกวี เนื้อเขียวก้านมะลิ ที่อธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อีกทั้งด้านหลังขององค์พระก็เป็นแบบหลังกระดานตรงตามตำราของเซียน และยังเป็นเนื้อที่หายากมากอีกแบบของหลวงปู่โตครับ

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ เนื้อมาตรฐาน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล
21 ธันวาคม 2554

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่อกตัววี เนื้อมาตรฐานและหนึกนุ่ม หลังกระดาน พิมพ์ทรงถูกต้องตามเซียน มีมวลสารครบเห็นชัดเจน มีรอยยุบ แยก หด ม้วนตัวเป็นซอกลึก มีเส้นวาสนาตามเส้นซุ้ม มีเส้นรอยราน และคราบแป้งแคลเซียมชัดเจน จึงสรุปได้ว่า เป็นพระสมเด็จวัดระฆังที่อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่โต ที่อยู่ในระบบของเซียน แต่อยู่นอกกำมือเซียน จึงเป็นพระดีของคนบุญ มิใช่พระแท้ของเซียนครับ


พระสมเด็จวัดระฆังองค์แก่น้ำมันผสม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล
22 ธันวาคม 2554

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงผสมปูนแก่น้ำมันผสม(ตังอิ้วหรือน้ำอ้อย) มีธรรมชาติและความเก่าที่ดูชัดเจนอีกองค์หนึ่ง มีมวลสาร เนื้อหา และพิมพ์ทรง เป็นไปตามหลักสากลของเซียนครับ ศึกษาไว้ไม่เสียหาย เผื่อเจอะเจอจะได้อัญเชิญกลับบ้านได้ 

ปล. ผมนำมาให้ดูเพื่อเป็นวิทยาทาน ขอให้โชคดีครับ



santacros : เรียน ดร นนท์ ครับ ผมมีข้อสงสัยว่า กลิ่นของพระสมเด็จมีความสำคัญในการพิจารณามากน้อยแค่ใหนคับ


กลิ่นของพระสมเด็จหรือพระอื่นๆ ก็ล้วนมีความแตกต่างกันมากบ้าง น้อยบ้าง กลิ่นบางกลิ่นเป็นของดั้งเดิมตั้งแต่มีการสร้าง กลิ่นบางกลิ่นเกิดจากเจ้าของนำพระมาวางไว้ในที่มีน้ำอบน้ำหอม หรือกลิ่นธูปเทียนหอม ดอกไม้หอม นานๆเข้าก็กลายเป็นส่วนที่ติดอยู่กับพระเหล่านั้น ดังนั้น กลิ่นในองค์พระจึงบอกข้อสรุปไม่ได้ครับ แต่เท่าที่ผมเคยสัมผัสพระสมเด็จวัดระฆังที่ไม่ผ่านการใช้หรือการสรงน้ำมาเลยมักจะมีกลิ่นของมะลิออกตุตุ ผมก็อธิบายไม่ถูก แต่เมื่อเรานำพระองค์นั้นมาแขวนหรือมาใช้พระองค์นั้นก็จะถูกกลิ่นของเหงื่อไปกลบอีกทีครับ 

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
23 ธันวาคม 2554


พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เงินล้าน

ขอเชิญทุกท่านพักสายตาและเรื่องราวทางธรรมสักระยะก่อนนะครับ กับภาพพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่นิยม ที่เรียกว่าพิมพ์เงินล้าน องค์แรกนี้เป็นสมบัติของท่านนาวาอากาศโท สุทน ยาพัน (ที่ปรึกษาสนามบินสุวรรณภูมิ) ผู้อาวุโสแห่งนักรบธรรมอีกท่านหนึ่ง ท่านสุทนเป็นผู้มีบุญวาสนาเพราะมีพระสมเด็จวัดระฆังและอื่นๆจำนวนพอสมควร และเป็นผู้มีความรักสนิทชิดใกล้กันกับผมมาก (แม้ปัจจุบันวัยจะต่างกันแต่อดีตเป็นเพื่อนกัน) ตลอดเวลาเราได้แลกเปลี่ยนวิถีปฏิบัติ สนทนาธรรม เรื่องอจินไตย และเรื่องราวของพระเครื่อง(จริตเหมือนกัน) เรื่อยมา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่านได้ส่งภาพพระสมเด็จองค์นี้มาให้ผมพิจารณา พร้อมกับเอ่ยขึ้นมากับผมว่า อยากจะนำพระองค์นี้มาประมูลเพื่อนำเงินรายได้ส่วนหนึ่งไม่ต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง ไปร่วมสร้างวัดภูดานไหกับเหล่านักรบธรรมและพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ผมจึงขออนุโมทนาสาธุการด้วยนะครับ พระองค์นี้มีความสวยงามมาก หากประเมินราคาก็ว่ากันหลักล้านขึ้นไป สาเหตุที่เรียกพิมพ์นี้ว่า เป็นพิมพ์เงินล้าน เนื่องจากเป็นพิมพ์ที่มีลักษณะสวยงามลงตัวมากที่สุดพิมพ์หนึ่ง หากเช่าบูชากันต้องว่ากันด้วยเงินล้านขึ้นไปนั่นเอง ลักษณะพิมพ์ทรงขอให้สังเกตกันเอาเองนะครับ เป็นพระเกศทะลุซุ้ม หากสนใจจะร่วมทำบุญ กรุณาติดต่อไปที่ท่านสุทนเจรจากันเอาเองนะครับ 0827987984, 0880024976 ขออนุโมทนาสาธุ ปล. พระสมเด็จวัดระฆังที่ลงรักปิดทองมักนิยมทำกันในช่วงปลายของสมเด็จโต (ช่วง ร.5) ตามคตินิยมของสายวังครับ


ส่วนองค์ที่สอง เป็นพระสมเด็จพิมพ์เงินล้านเช่นเดียวกัน แต่เป็นพระของผมเอง พระองค์นี้มีลักษณะดูเหมือนพระใหม่มาก แต่หากดูด้วยจิตและสายตาที่เป็นกลางก็ทราบว่า เป็นพระถึงยุคของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ข้อสังเกตที่สำคัญในการพิจารณาพระแท้ก็คือ คราบผงแป้ง(ปูนแคลเซียม) ที่พอกหนาอยู่บนผิวหน้า (surface) ขององค์พระ นั้นเกิดจากกระบวนการหล่อพระที่น้ำปูนระเหยออกไปขังอยู่ผิวหน้าองค์พระขณะยังอยู่ในเบ้าพิมพ์ (ปูนเซ็ทตัว) บางคนก็บอกว่าใช้แป้งทาโรยพิมพ์ก็ว่ากันไป(อาจจริง) แต่ผมเป็นอาจารย์สอนวิชาประติมากรรมและเซรามิกจึงเข้าใจกระบวนการนี้ได้ดี(ไม่เคยโรยแป้งทาพิมพ์) ให้สังเกตที่ด้านหลังก็ยังมีคราบน้ำแป้งแคลเซียม(ไม่ได้อยู่ในเบ้าพิมพ์และก็ไม่ได้โรยแป้งทางด้านหลัง) ขอให้ท่านพิจารณาเอาเองนะครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
8 มกราคม 2555


พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ทรงเจดีย์
พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ทรงเจดีย์ (มีหลายพิมพ์) พระองค์นี้ผมเสี่ยงทายด้วยการปล่อยให้ท่านวางอยู่บนแผงพระหลายเดือน เพราะเจ้าของเปิดราคาไว้แพงมาก แต่พอหลังกลับจากแสวงบุญที่วัดภูดานไหเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ผมกลับมาดูอีกครั้ง ปรากฏว่า พระองค์นี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม แถมเจ้าของคะยั้นคะยอให้ผมบูชา โดยลดราคาลงมาหลายๆๆๆเท่า ผมจึงได้อัญเชิญกลับบ้านด้วย พระท่านปิดหูปิดตาคนอยู่นาน... เฮ้อ...อะไรกันนี่...คนหนอคน หาอะไรกันอยู่...พระดีอยู่ต่อหน้าต่อตาก็ยังมองไม่เห็น (ผมคิดในใจ) พระองค์นี้เป็นพระเนื้อแก่ผงผสมปูน เนื้อแกร่งหนึกนุ่มเป็นมัน สีออกเขียวก้านมะลิ ผิวหน้ามีลักษณะเหมือนผิวตกกระของคนแก่ มีความยุบ ย่น แยก มีรอยปริด้านข้าง มีเม็ดมวลสารชัดเจน และมีพลานุภาพสูง พระแท้จะดูง่ายกว่าพระปลอมเสียอีก (คิดกลับกัน) ก็ลองพิจารณาเอาเองนะครับ

ปล. ตรวจสอบภายในทราบว่า สมเด็จโตอธิษฐานจิตในปี 2407 ในวาระหลวงปู่โตได้รับสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
8 มกราคม 2555


พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ลงรักปิดทองคำเปลว

พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ลงรักแดงปิดทองคำเปลว เป็นพระที่นิยมสร้างในช่วงปลายของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ตามคติความนิยมของช่างหลวงหรือสายวังทั้งวังหน้าและวังหลวง การลงรักปิดทองเป็นการรักษาเนื้อพระและเป็นภูมิปัญญาของชาวเอเชียมานานนับพันปีแล้ว ส่วนการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังหรือพระตระกูลวัง จึงมักเป็นพระที่สร้างเพื่อบุคคลชั้นสูงและเพื่อการบรรจุกรุหลวง จึงพบเห็นการลงรักปิดทองจำนวนมาก ขอให้สังเกตความเก่าของรักและทองด้วยนะครับ ลองชมภาพพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ลงรักแดงปิดทองคำเปลวอีกองค์ครับ

หมายเหตุ พระของผมบางองค์จะนำมาประมูลเพื่อหารายได้สร้างวัดภูดานไหกับพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช หากใครสนใจก็ติดต่อมานะครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
9 มกราคม 2555



พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ ลงรักดำ มาตามจิตอธิษฐาน

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่นิยม เนื้อผงผสมปูน ลงรักดำ เนื้อในตรงส่วนที่กะเทาะมีผงสีขาวครีมมีเม็ดมวลสารปรากฏให้เห็น เนื้อมีความแห้งแต่หนึกนุ่ม และที่พิเศษก็คือ พระองค์นี้ปรากฏมีการใช้เชือกหุ้มองค์พระเพื่อใช้แขวนแบบโบราณดั้งเดิม วิธีการแบบนี้พบน้อยมาก พระองค์นี้ได้เสด็จมาอย่างกับในฝัน เพราะหลังจากผมได้ลงภาพพระสมเด็จวัดระฆังองค์ลงรักดำของท่านอ๊อดเมื่อตอนเช้า ในขณะที่ลงภาพ จิตของผมก็นึกอยากจะได้พระในลักษณะเดียวกันเพื่อนำมาศึกษา และก็ปรากฏภาพพระสมเด็จลงรักสีดำขึ้นมาในใจตลอดเวลา พอตอนบ่ายได้เดินไปดูที่แผงพระ ปรากฏมีขาจรมาจากกรุงเทพฯกำลังวางแผงอยู่ ดูไปดูมา เอ๋...พระสมเด็จลงรักดำวางอยู่ท่ามกลางพระนับพันๆองค์ พระท่านช่างมาโปรดเร็วดีแท้หนอ

ผมตรวจสอบแล้ว ทราบว่า สร้างและอธิษฐานจิตในวาระปี 2411 ในโอกาสรัชกาลที่ 5 ขึ้นครองราชย์ นอกจากจะมีหลวงปู่โต พรหมรังสี เป็นผู้อธิษฐานจิตหลักแล้ว ยังมีองค์อภิญญาในยุคนั้น คณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร และพระเบื้องบนได้เสด็จลงมาร่วมในพิธีอธิษฐานจิตด้วย พลานุภาพดั้งเดิม 150 เท่าของพระทั่วไป แรงมากๆๆๆ ส่วนการผูกเชือกแบบโบราณเพื่อใช้แขวนนั้น ช่างเป็นภูมิปัญญาของคนในสมัยนั้นที่พยายามจะนำพระติดตัวไปให้ได้ เพราะในสมัยหลวงปู่โตหรือหลังจากนั้นเล็กน้อย ไม่มีกรอบพระเช่นในปัจจุบัน หากใครเจอเชือกร้อยและมีความเก่าเช่นนี้ ก็อย่าได้ลังเลหรือสงสัยใดๆ ให้รีบคว้ากลับบ้านทันทีเลยนะครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
9 มกราคม 255