วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

114: พระดีที่เซียนเมินและปริศนาหลวงปู่โต

พระดีที่เซียนเมิน และปริศนาหลวงปู่โต
เมื่อคืน มีญาติธรรมท่านหนึ่งคือ สิบเอกอารี แห่งค่ายสุรนารี คุณอารีเป็นศิษย์หลวงตาพระป่ากรรมฐานรูปหนึ่งแถบเมืองเก่าหนองคาย(สายบำเพ็ญยังไม่เข้านิพพาน) เขาได้เดินทางมาพบผมเป็นครั้งที่สอง หลังจากพบกันครั้งแรกเมื่ออาทิตย์ก่อนโน้น (ครั้งแรกเขาสุ่มทางมาบ้านผมตามกระแสคลื่นบุญ) และในครั้งนี้ เขาได้นำพระสมเด็จด้านหลังผนึกแผ่นลายมุกมาให้ผมดูด้วยอาการปีติ พร้อมกับเล่าเรื่องราวให้ผมฟังว่า
"พระสมเด็จองค์นี้ ผมได้รับสมัยเรียนอยู่โรงเรียนการกีฬาสุพรรณบุรีเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว อาทิตย์ที่แล้ว ผมนำไปให้หลวงตาดู เมื่อท่านนำไปกำไว้ในมือและนั่งหลับตาแว็บหนึ่ง ท่านก็บอกว่า รู้ไหมนี่คือพระสมเด็จที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ห้า โดยช่างสิบหมู่เป็นผู้แกะพิมพ์ถวาย หลวงปู่โตเป็นผู้อธิษฐานจิต และรู้ไหมว่า นอกจากหลวงปู่โตแล้วยังมีหลวงปู่ศรีเอกวงศ์ ผู้เป็นพระอาจารย์ได้ร่วมอธิษฐานจิตด้วย"
จากคำบอกเล่าของคุณอารีนั้น สอดคล้องกับประวัติการสร้างพระและวัตถุมงคลจำนวนมาก เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในพิธีการขึ้นครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเฉพาะพระสมเด็จในลักษณะพิเศษต่างๆจำนวนมาก ได้ถูกสร้างขึ้นทั้งในสายวังหลวง วังหน้า และวังหลัง บางครั้งไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสายวังใดเป็นผู้สร้าง ผมจึงขอเรียกรวมๆว่า "พระสายวัง" การสร้างส่วนใหญ่จึงอยู่ในการดูแลของกรมช่างสิบหมู่ และรวมถึงสายเจ้าคุณกรมท่าเป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง องค์ผู้อธิษฐานจิตหลักในช่วงเวลานั้น (พ.ศ. 2411-2415) ก็คือ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) รวมถึงองค์อภิญญาในยุคนั้นอาทิเช่น สมเด็จกรมปรวเรศฯ หลวงตาแสง หลวงพ่อแก้ว หลวงพ่อเงิน หลวงปู่บุญ ฯลฯ และว่ากันว่า คณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จมาร่วมในพิธีอธิษฐานจิตด้วย และมีข้อมูลใหม่มาว่า "หลวงปู่ศรีเอกวงศ์" แห่งนครหนองคาย ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ปริศนาแห่งองค์ปู่ศรีเอกวงศ์นี้ ว่ากันว่า ท่านคือ "ปู่ขาว" ผู้กำลังมาบำเพ็ญในรูปญาณบารมี ดังที่หลวงตาท่านกล่าวถึง และจากการศึกษาของผมและจิตสำนึกบางอย่าง ผมรับรู้มาว่า หลวงปู่โตท่านได้เสด็จออกธุดงค์ในช่วงสมัยรัชกาลที่สามออกไปไกลถึงประเทศลาวและกัมพูชาเป็นเวลายาวนานถึง 20 ปี ผ่านเส้นทางดงพญาไฟไปแถบอีสานใต้ทะลุถึงประเทศเขมร บางครั้งเสด็จไปในแถบอีสานกลางผ่านเส้นทางกาฬสินธุ์ อาจบำเพ็ญแถบภูผาผึ้ง ภูดานไห อ.กุฉินารายณ์ แถบภูค่าว อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ และเลยไปแถบหนองคาย มุกดาหาร นครพนม เลย และข้ามฝั่งไปยังประเทศลาวจนอาจเลยไปถึงเวียดนามก็ได้ ดังนั้นเป็นไปได้ว่า ท่านคงได้พบกับหลวงปู่ศรีเอกวงศ์ที่หนองคาย ซึ่งเรื่องนี้มันเกินวิสสัยของผม แต่จากร่องรอยดังกล่าวจึงเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นความจริง ก็ลองพิจารณาตามผมไปนะครับ หลายๆเรื่องกำลังผนวกให้ผมได้รับรู้มากขึ้น แล้วท่านคิดว่าอย่างไร
อนึ่ง คุณอารีได้นำเรื่องราวของผมไปบอกหลวงตา และหลวงตาได้ฝากบอกบางอย่างมาถึงผม หากมีบุญสัมพันธ์กันก็คงได้พบกันเมื่อกาลอันควร ผมน้อมกราบพระหลวงตาด้วยธรรมปีติครับ ทราบว่า ตอนนี้หลวงตาได้อยู่ในรูปของสามเณรด้วยกิจการบำเพ็ญในรูปแบบหนึ่ง หากอยู่ในรูปพระสงฆ์อาจไม่สามารถบำเพ็ญกิจบางอย่างได้ (เป็นความเห็นส่วนตัวของผมครับ)
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
27 มกราคม 2555

สมบัติของ สิบเอกอารี

สมบัติของ คุณสมฤดี สิปปภากุล (คุณนายที่บ้านครับ)


ปล. พระชุดนี้มีหลากสีอาทิเช่น สีดำ แดง ชมพู เขียว น้ำเงิน เป็นต้น