วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

51: แรกพบประคำเหล็กไหลไพลดำ 2407


IT Man:27-08-2011, 09:37 PM #4192

ประมาณ 11 โมง ผมเดินทางเข้าไปรับพัสดุที่ไปรษณีย์ พอแจ้งรายละเอียด แล้วมานั่งรอ ก็เกือบปล่อยน้ำตาออกมา เพราะรู้สึกปีติที่จะได้พบของสำคัญๆ ดุจญาติสนิทที่ไม่ได้พบกันนาน ได้รับพัสดุ ก็บึ่งรถไปแวะที่ร้านมือถือที่เปิดในตัวเมือง บรรจงแกะออกมา จากนั้นก็เริ่มขอขมา สวดมนต์อัญเชิญท่าน แล้วก็พินิจพิเคราะห์ดู โอว...นี่เหมือนกับเคยเห็น เคยสัมผัสมาก่อน...แปลกจัง
ชื่นชมไม่ทันไร น้องท่านหนึ่งอีก office โทรศัพท์มาบอกว่า ขอพบผมที่บ้านผม ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับแม่สะเรียง เพื่อร่วมทำบุญและปรึกษาเรื่องสำคัญต่างๆ

พอผมมาถึงบ้าน ก็มอบประคำฯและบ่วงนาคบาศให้น้องเขาขอพรก่อนเลย จากนั้นก็ให้เข้าไปไหว้พระ ขอพรพระพิฆเนศ พอไหว้พระเสร็จก็ให้น้องเขาเลือกหยิบพระอะไรก็ได้ในกล่อง...น้องออกมาจากห้องพระ ก็เลยมาทำบุญด้วย 1,000 บาท ผมก็เลยขอดูพระที่เขาเลือก ปรากฏว่าเป็นพระพิมพ์ปัญจสิริสีฟ้า รูปเหมือนท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ สวยมากๆ ผมเองก็พึ่งรู้ เพราะห่อไว้อย่างดี

พอน้องลากลับไปสักครึ่งชั่วโมง ฝนก็ได้ตกมาอย่างหนัก ทั้งๆที่แดดเปรี้ยง ผมก็เลยถือโอกาสนำวัตถุมงคลทั้งหมดไปล้างน้ำฝน และสรงน้ำทิพย์อีกรอบ - ฝนหยุดเวลาที่สรงน้ำทิพย์ (ที่กล่าวนี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับการเสด็จมาของประคำ,บ่วงนาคบาศก็เป็นได้)

จากนั้นผมก็เริ่มทำพิธีอัญเชิญท่านอีกรอบ และอัญเชิญประคำฯใส่ข้อมือขวา ระหว่างที่ใส่ ก็ดูเหมือนจะมีคลื่นเบาๆ ส่งจากข้อมือขวาขึ้นมาในร่างกายเรื่อยๆ (อาจจะรู้สึกไปเองก็ได้...เพราะพึ่งเคยสวม)
สำหรับการเข้าสมาธิ เป็นตามนั้น...คือ เข้าเร็ว สงบเร็ว ไม่ค่อยอยากออกครับ


 
ภาพล่าสุด...
ผมขออนุญาตท่านจัดการแปลงร่างเป็นประคำข้อมือ/ประคำคอแบบสั้นๆเหมือนเจ้าชายอียิป...เรียบร้อยแล้วครับ

ปล: ผมใช้ net - speed ต่ำ จึงไม่สามารถขยายขนาดให้เต็มจอได้


Link ที่เกี่ยวข้อง...องค์ธรรมะเสนาภักดี , องค์ปัญจระธรรม

IT Man: 28-08-2011, 08:35 AM  #4200 ประสบการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกัน...

เช้านี้ตื่นราวๆตี 4:20 เริ่มทำวัตร 04:30-05:20 ... พักผ่อนอริยาบท

เข้าสมาธิตี 5:24-05:55 : ระหว่างการนั่ง ได้นิมิตเห็นตัวเองในอดีตเป็นพระธุดงค์ นั่งสมาธิในเชิงเขาแห่งหนึ่ง ใกล้วัดเก่าๆอยู่ระหว่างชายแดนไทย-พม่า จำได้เลยว่า ณ ที่แห่งนี้ ตัวเราในภพปัจจุบัน(เมื่อปีที่แล้ว) ก็เคยไปนั่งสมาธิอยู่บ่อยๆ...ทำให้เกิดอาการปีติ น้ำตาไหล ร้องไห้ฟูมฟายกายสั่นไปได้สักพัก

จากนั้นสัก 5 นาที...กายก็ตั้งตรง นิ่งสงบ ปรากฏเหมือนมีลมเข้า-ออก ณ กลางกระหม่อม พลอยให้นึกถึงคุณพ่อ ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ ลมก็ออกมาทางนี้เหมือนกัน...นึกย้อนมาหาตัวเองตอนเป็นพระธุดงค์ในอดีตนั่นอีกครั้ง คราวนี้ไม่เกิดอาการปีติ แต่กลับเกิดอาการนิ่งเฉยทั้งกายและใจ...ไร้ซึ่งอารมณ์

ก่อนออกจากสมาธิ ก็ต้องขึ้นไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์สักหน่อย ครานี้ไปยากแฮะ เพราะต้องฝ่าด่านก้อนเมฆ เขาสูง ทะเลสาบ นาน...ประมาณ 3 นาทีจึงขึ้นไปกราบท่านได้ ท่านยังนั่งยิ้ม...รอดูพวกเราอยู่เช่นเดิมครับ

พุทโธ เม นาโถ , ธัมโม เม นาโถ , สังโฆ เม นาโถ
กราบ กราบ กราบ

ผมเริ่มเข้าใจบางอย่างในพระธุดงค์อีกอย่างแล้วว่า...ทำไมท่านต้องไปธุดงค์ในป่าลึก ไกลผู้คน ก็เนื่องหากเกิดอาการปีติเนืองๆเช่นผมนี้
ถ้าชาวบ้านมาเห็น คงตกใจนึกว่าผีบ้า ทำไมอยู่ๆก็ร้องไห้เอาๆ โอนี่หล่ะหนอ ผู้ยังไม่รู้ ยังไม่เห็นอะไรข้างใน เห็นพระท่านร้องไห้ กลับคิดว่าบ้าเสียนี่

โมทนาสาธุบุญที่ท่านทั้งหลายทำทุกประการ
จงเจริญในธรรม มีกำลังใจในการทำ...ตลอดทั่วทุกคนเทอญฯ


ดร.นนต์ 28-08-2011, 10:18 AM  #4205

อนุโมทนากับท่านสมบัติ ผู้เข้าถึงแล้ว ไม่ว่าระดับใดๆ ย่อมเข้าใจว่า มันก็เป็นเช่นนั่นแล กาลามสูตรดั่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้นั้น เที่ยงแท้แน่นอน ผู้ใดถึง ผู้นั้นเห็นเองรู้เอง

อาการปีติเป็นของธรรมดาสำหรับมนุษย์ ทุกคนก็เกิดอาการปีติได้ แต่อาการปีติของนักปฏิบัตินั้นต่างจากปุถุชนและสามัญชน อาการปีติในนิมิตของนักปฏิบัตินั้น จึงเหนือความปีติของสามัญชน (สามัญชนผู้ยินดีในความสุขที่ได้รับในสิ่งตนเองปรารถนา) แต่ความปีติที่เกิดจากนิมิตนั้น เป็นอาการปีติในธรรมที่ค้นเจอด้วยญาณสมาบัติ ความปีติที่สูงขึ้นไปสู่ความเป็นอริยบุคคลนั้น จะเกิดจากการพิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม จนเกิดปัญญาญาณและเข้าใจชัดแจ้งในกฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เมื่อแจ่มแจ้งแล้ว ความปีติยินดีจะโน้มไปสู่การระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูอาจารย์ ย่อมหลั่งไหลออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดจะพรรณา ความปีติเช่นนี้ เกิดเอง เป็นเอง ไม่ได้เติมแต่งแม้แต่น้อย กลั้นเอาไว้ก็ไม่อยู่ เมื่อปีติด้วยเวลาอันควร เราก็สามารถตัดอาการปีตินั้นลงได้ในชั่วเวลาแค่แพล็บเดียว เข้าไปนอนนิ่งในอุเบกขา ไม่ชื่นชม ไม่ยินดีอีกต่อไป เพราะรู้แล้ว จึงไม่ยึดติด นั่นก็คือ เข้าสู่สภาวะการละวางได้นั่นเอง.....

ท่านสมบัติกำลังเข้าสู่กระแสมรรค... อุเบกขาที่สามารถตัดความปีติได้นั้น ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว...ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ

พุทธประเพณีของผู้ปรารถนา...ติดตามองค์พุทธะ ย่อมลาไม่ได้เช่นเดียวกับองค์นิยตโพธิสัตว์เจ้า... แต่การบรรลุธรรมย่อมเป็นไปได้โดยง่าย แต่ไม่สามารถตัดเข้าพระนิพพานได้เช่นเดียวกันกับองค์นิยตโพธิสัตว์เจ้า จึงต้องรอพระองค์ท่านได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน จึงจะสามารถเข้าสู่อรหันตผลได้... และผู้ติดตามองค์พุทธะจะเสด็จลงมาพร้อมกับองค์นิยตโพธิสัตว์เจ้าทุกครั้ง แต่ไม่บ่อยครั้งนัก เนื่องจากบารมีนั้นเต็มแล้ว(ปรมัตถบารมี) เพียงแต่รอคิวตามองค์พุทธะนั่นเอง ความกระจ่างของแต่ละบุคคลจะค่อยๆปรากฏขึ้น... เรื่องเหนือโลกมันเกินวิสัยของมนุษย์ทั่วไปครับ...

แล้วจะเข้าใจว่า ทำไมบุรุษผู้หนึ่งถึงต้องทิ้งพระนิพพานมาสามครั้งแล้ว....

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์


ติดตามอ่านใน .... 15: แสงธรรมพระธุดงค์ นิมิตแห่งแสง

............................................................................................................................................


สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ของหลวงปู่โต พรหมรังสี
ผศ.ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล
29 กันยายน 2554

สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ที่อัญเชิญเสด็จมาทางอากาศและอธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) โดยได้อัญเชิญจากบริเวณข้างวัดระฆัง ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าใกล้กับท่าน้ำวัดระฆัง (บริเวณใกล้โรงเรียนสตรีวัดระฆัง) การอัญเชิญและการสร้างเกิดขึ้นในวาระแรกปี 2407 ซึ่งทั้งหมดมีสามครั้ง(รุ่น) มีจำนวนไม่มาก ผมบังเอิญมีครบทั้งสามรุ่น ข้อแตกต่างให้สังเกตที่ความเก่าของทองคำและการเคลือบผิว และต้องสอบถามจากพระเบื้องบน จึงจะทราบได้ ผมอธิษฐานจิตทูลถามพระเบื้องบนได้รับรู้ตรงกันกับ ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล คือ รุ่น 1 สร้างแค่ 32 เส้น เป็นเส้นเล็กทั้งหมด  รุ่น 2 มี 50 เส้น(เล็ก)..... รุ่น 3 มีทั้งเส้นเล็กเส้นใหญ่ มีจำนวน........ และยังมีอีกในปี 2408 จำนวนหนึ่ง และในปี 2409 (ได้นำเหล็กไหลไปทำเป็นลูกกริ่งในองค์พระพิมพ์และพระกริ่งจำนวนหนึ่ง) ใครโชคดีและเชื่อว่าจริงก็ยังพอมีโอกาสจะได้รับ (เหลืออยู่ตามท้องตลาดอีกเล็กน้อย) เพราะเกือบทั้งหมดได้ตกอยู่ในการครอบครองของผู้สร้างในอดีตสองท่าน (จำนวนเท่าๆกัน) และบางส่วนได้แจกจ่ายกระจายไปอยู่กับเหล่านักรบธรรม (ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลวงปู่โต เจ้าคุณกรมท่า และราชนิกุลในอดีต)

สร้อยประคำที่อยู่ในการครอบครองของทั้งสองท่าน ถูกกำหนดให้นำมาประมูลเพื่อหารายได้สร้างวัดภูดานไห และพระธาตุเกศแก้วเกศาธรรม ที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคต ณ ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ และผู้จะมาอัญเชิญหรือประมูลในอนาคต ส่วนหนึ่งจะมาจากต่างประเทศ เรื่องนี้เป็นปัตจัตตังสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ส่วนผู้ที่ไม่สามารถสัมผัสถึงมิติเหนือโลกได้ ก็ขอให้วางเฉยเสีย เพื่อจะได้ไม่เกิดความทุกข์ตามมานะครับ

ข้อสังเกต สำหรับผู้ที่สามารถสัมผัสพลังได้ก็คือ เมื่อท่านเห็นสร้อยประคำแล้วให้ลองนำมาสวมคอแล้วโน้มจิตอธิษฐานขอบารมีพระเบื้องบนตั้งแต่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์เจ้า และครูอาจารย์สืบต่อกันมาทุกๆพระองค์ ได้โปรดสงเคราะห์ให้ข้าพระพุทธเจ้าได้สัมผัสพลังพลานุภาพที่อยู่ในสร้อยประคำเส้นนี้ หากเป็นสร้อยประคำแท้ที่อธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าสามารถสัมผัสพลังได้ด้วยเถิด..... หลังจากนั้นให้สังเกตอาการถ้าเป็นของแท้จะมีอาการดังต่อไปนี้

1. มีพลังหนักหน่วงลงมาทางกระหม่อมด้านบนศรีษะ
2. หนังตาและผิวหน้าเริ่มตรึง หนังตาถูกดึงให้เข้าสมาธิ
3. มีพลังหนักหน่วงที่ต้นคอ หัวไหล่ทั้งสองข้าง แน่นหน้าอก
4. หากผู้ใดสามารถปรับธาตุขันธ์ของตัวเองได้ สุดท้ายพลังจะเย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัว
สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ปี 2407 วาระ 1 วาระ 2 และวาระ 3 มีความแตกต่างกันเล็กน้อย วาระ 1 มี 32 เส้น วาระ 2 มีทั้งหมด 50 เส้น วาระ 3 มีจำนวน....เส้น มีทั้งเส้นใหญ่และเส้นเล็ก ลองชมอีกครั้ง

ปล. ยังพอมีเหลืออยู่ในท้องตลาดอีกเล็กน้อย ขอให้โชคดีนะครับ

 
   

สมบัติของ ผศ.ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล
............................................................................................................................................



สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ของคุณสมบัติ เพ็งพล สรงน้ำและใช้คู่กันกับพระสมเด็จวัดระฆัง เนื้อผงใบลาน เข้ากันดีทั้งพลานุภาพแบบไร้ขีดจำกัด และความสวยงามลงตัว ขออนุโมทนากับผู้ครอบครองครับ
............................................................................................................................................
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nontayan อ่านข้อความ
Date: Mon, 19 Sep 2011 12:54:28 +0800
Subject: ส่งภาพสายประคำเหล็กไหลไพรดำมาให้ท่านพิจารณาครับ
From: 
noppadon.wannalaeasd@gmail.com

เรียน ท่าน ดร.ณัฐนนต์ ที่นับถือ ผมส่งสร้อยประคำให้ท่านพิจารณา ได้มาจากแรงอธิษฐานและสวดมนต์น่ะครับ
มีสองเส้น และขอท่านอนุโมทนา ตั้งชื่อสายประคำทั้งสองเส้นนี้ให้ผมด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
 
.....................................................................................
เมื่อ 19 กันยายน 2554, 13:49, natdhnond sippaphakul <sippaphakul@hotmail.com> เขียนว่า: 
เรียนท่านนพดล
แท้ครับ
เส้นแรกสร้อยประคำแก้ว ถวายนามว่า "องค์ธรรมบารมีนพเก้า"
สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ถวายนามว่า "องค์สายใยอธิษฐาน"
เบื้องบนท่านโปรดชื่อนี้มาก โดยเฉพาะสร้อยเล็กไหล จึงขออนุโมทนาด้วยครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์ 





ขอขอบพระคุณท่านมากครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
นพดล
 
สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำและสร้อยแก้วทวารวดีที่อธิษฐานจิตโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่เสด็จไปโปรดท่านนพดล (ผู้ช่วย ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งที่อุตรดิตถ์) ถึงภาคเหนือ ตามแรงจิตอธิษฐานประมาณสองอาทิตย์ นั่นจึงแสดงให้เห็นว่า ผู้ทีศรัทธาต่อองค์หลวงปู่โตและเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และยังเป็นสายเดียวกัน ท่านย่อมได้รับสิ่งที่เป็นมงคลสูงสุดเช่นนี้ การรับรู้ส่วนตัวจะช่วยยืนยันคำกล่าวของผมได้เป็นอย่างดี จึงขออนุโมทนากับท่านด้วยนะครับ

ปล. ท่านนพดลได้ติดตามอ่านเว็บบอร์ดของพวกเรามาตลอด หากท่านจะเปิดเผยตัวออกมาร่วมกับพวกเราก็ยินดีนะครับ อนึ่งผมพึ่งทราบว่า ท่านก็เป็นศิษย์หลวงพ่อกัณหาอีกคน จึงขออนุโมทนาอีกครั้งครับ

ดร.นนต์