วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

226: ตำนานพระกำลังจักรพรรดิ์

การสร้างพระเครื่องประเภทเนื้อปูนผสมผงมหาจักรพรรดิ์สูตรหลวงปู่ ในการสร้างพระเครื่องประเภทเนื้อปูนผสมผงมหาจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่นั้น จักสังเกตุเห็นได้ว่าหลวงปู่ดู่ท่านจะสร้างพระเครื่องไว้เพื่อเป็นพุทธานุสติแก่บรรดาศิษย์เพื่อให้ระลึกเสมอว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ทรงประเสริฐสุดหาที่เปรียบมิได้ ดังที่จะกล่าวในพระชุด "พระพุทธเจ้าเหนือพรหม"นี้ ลป.ดู่ท่านได้หยิบยกพระพุทธตำนานตอนหนึ่ง ซึ่งเป็นพระตำนานที่อยู่ในบทสวดพระคาถาพาหุงบทหนึ่งว่า

"ทุคคาหะทิฏฐิ ภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พหรมมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ" 

..พระคาถาบทพาหุงบทนี้ ตามพุทธตำนานได้กล่าวถึงตอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ปราบทิฐิของท้าวผกาพรหมที่คิดว่าตนเอง มีอิทธิฤทธิ์มากและมีความอมตะไม่ตาย จึงคิดท้าพระพุทธเจ้าให้มาลองอิทธิฤทธิ์กัน โดยการท้าลองครั้งนี้คือให้อีกฝ่ายซ่อนและอีกฝ่ายหา หากผู้ใดซ่อนและผู้หา หาไม่พบถือว่าชนะและฝ่ายแพ้จะต้องมาเป็นสาวกของฝ่ายชนะ...เริ่มจากฝ่ายท้าวผกาพรหมเป็นผู้ซ่อนก่อน ท้าวผกาพรหมแปลงกายเป็นธุลีเม็ดทรายหนึ่งเม็ดโดยซ่อนตนเองปะปนอยู่ในทะเลทราย ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ใช้ฌาณ ตรวจหาไม่นานก็ค้นพบท้าวผกาและชี้ถูกว่าท้าวผกาพรหมเป็นเม็ดทรายเม็ดไหนอย่างถูกต้องครั้งนี้ท้าวผกาพรหมจึงเป็นฝ่ายแพ้ พอถึงคราวพระพุทธเจ้าเป็นผู้ซ่อนบ้าง พระพุทธองค์ทรงย่อพระวรกายให้เล็กลงแล้วเสด็จขึ้นไปประทับซ่อนอยู่ในมวยผมบนเศียรของท้าวผกาพรหม ฝ่ายหาคือท้าวผกาพรหม ก็เริ่มตามหาพระพุทธเจ้าหายังไงก็หาไม่เจอ หาทั่วทั้ง๓ภพ(ภพโลก ภพสวรรค์ ภพนรก)ก็หาไม่เจอ หาไปสุดขอบแดนจักรวาลก็หาไม่เจอ ท้าวผกาพหรมจึงยอมแพ้ เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าท้าว ผกาพรหมลดทิฏฐิลงมากแล้ว พระพุทธองค์จึงคลายฤทธานุภาพกลับสู่สภาพเดิม และทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดท้าวผกาพรหม จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน แต่ขณะนี้เป็นพระอนาคามีแล้ว จักเข้าถึงพระนิพพาน ในยุคพระศรีอริยเมตไตรย จากนั้นมาจึงมีพระนามเรียกขานกันว่า "พระพรหม"...การนำบทสวดมหาจักพรรดิมาใช้ในการสร้างพระหลวงปู่ดู่ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังถึงการปลุกเสก หรืออธิษฐานจิตในวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกว่า "นอกจากการใช้พลังจิตในการปลุกเสกแล้ว ที่ท่านใช้อยู่เสมอคือ บทสวดมนต์ตามเจ็ดตำนาน" ซึ่งท่านบอกว่า ดีกว่าคาถาอาคมมากมาย เพราะเป็นเรื่องราวของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้น ไม่จัดเป็นเดรัจฉานวิชชา โดยบทที่ท่านสวดทำทุกครั้งคือ บทพระพุทธเจ้าทรมานพญาชมพูบดี หรือที่เรียกกันว่า "บทชมพูปติสูตร"ซึ่งแสดงถึงอำนาจหรือบารมีของพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูของมนุษย์และ เทวดาทั้งปวง แสดงถึงธรรมที่ชนะอธรรม



พุทธคุณที่หลวงปู่ดู่หลวงตาม้า ท่านนำมาใช้ในการสร้างพระ ลป.ดู่ ท่านเรียกพระคาถาบทนี้ว่า "คาถามหาจักรพรรดิ" โดยทั้งนี้ในการปลุกเสกหลวงปู่ ท่านอารธนากำลังของบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ท่านอันเป็นที่สุด โดยน้อมนำอารธนา บารมีรวมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบัน บรมมหาจักรพรรดิ์ทุกๆพระองค์ บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมพระเจ้าจักรพรรดิตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ท่านอันเป็นที่สุด 
บทสวดพระมหาจักรพรรดิ  
นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย
อะหังวันทามิ สัพพะโส
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
 
บรรดาลูกหลานวงษ์วานว่านเครือต่างทราบกันดีใครมีไว้ใช่ป้อง กันอันตรายอย่างเดียวที่ไหนหลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านรับรองกับลูกศิษย์ ท่านพระหลวงปู่ดู่ ป้องกันนิวเคลียร์ได้หลวงตาม้า ท่านเมตตาบอกว่า พระหลวงปู่ ป้องกันโรคระบาดและป้องกันไข้หวัดนกได้ให้ใส่ไว้

ส่วนผสมในมวลสารของเนื้อพระ
ในส่วนผสมมวลสารของเนื้อพระพุทธเจ้าเหนือพรหมที่ลป.ดู่ท่านนำมาจัดสร้าง ท่านจะนำผงพุทธคุณ(ผงมหาจักรพรรดิ์)ผสมกับปูนขาวใส่เกศาผสมลงโดยใช้น้ำเป็นตัวประสานผสมจนได้ที่แล้วจึงนำเนื้อมวลสาร ทลงในแบบพิมพ์ เวลาแห้งเนื้อพระด้านหลังจะเป็นคราบลอยเหมือนหัวกระทิ ลักษณะของเนื้อพระจะไม่แน่นตัวนัก เนื้อจะฟูๆ พระพิมพ์นี้ สามารถแบ่งโซนหลักของเนื้อพระได้๒วรรณะคือ สีขาวนวล และออกสี เหลืองเนื่องจาก ลป.ดู่ท่านนำไปแช่ในน้ำชาท่ท่านเสก หรือที่ลป.ดู่ท่านมักจะเรียกว่าน้ำมนต์นั้นเอง ส่วนการทำผงจักรพรรดินั้นหลวงปู่จะทำภายในกุฎิท่านโดยมีกรรมวิธีการสร้างซึ่งเป็นวิชาขั้นสูง ส่วนพระผงจักรพรรดิยุคปัจจุบันที่ทำและสร้างโดยหลวงตาม้านิยมนำเถาพระธาตุปลวงปู่หรือเกศาหลวงปู่ดู่หรือหลวงตาม้ามาเป็นมวลสาร ด้วยในรุ่นพิเศษบางรุ่นแต่โดยปกติมวลสารหลักก็คือผงจักรพรรดินั้นเอง 

 สูตรหลวงปู่ดู่ที่ท่านหลวงตาม้าสร้าง วิชาในการสร้างพระผงจักรพรรดินั้นหลวงปู่ดู่ ได้สอนท่านหลวงตาม้าและ ในปัจจุบันนี้ท่านหลวงตาเป็นผู้ทรงวิชา สร้างพระผงจักรพรรดิไว้ ความรู้เกี่ยวกับพระผงจักรพรรดิ
 
พระผงจักรพรรดิสูตรหลวงปู่ดู่หลวงตาม้ามีพุทธคุณอย่างไร?
พระผงจักรพรรดิประโยชน์มากโดยเป็นพระที่ใช้ใน การทำกรรมฐานและบูชาติดตัวเพื่อคุ้มครอง เป็นศิริมงคลแก่ตนเองและเป็นพลังงานบุญ แก่ภพภูมิโดยรอบ หลวงปู่ดู่กล่าวไว้ว่าพระรุ่นนี้ที่มีผงจักรพรรดิ ของท่านป้องกันนิวเคลียร์ได้
พระรุ่นนี้เหมาะสมเป็นอย่างมากในการเจริญกรรมฐาน หลวงปู่ดู่สมัยที่ท่านยังทรงธาตุขันธ์ อยู่ท่านสร้างพระผงออกมาเพื่อให้ ลูกศิษย์ได้ใช้ในการเจริญพระกรรมฐานให้ ก้าวหน้าได้โดยไวโดยเป็นการใช้พลังจากองค์พระ ในเนื้อพระผงจักรพรรดิของหลวงตาม้าทุกรุ่นบรรจุมวลสาร ผงจักพรรดิหลวงปู่ดู่ที่ท่านหลวงตาท่าน ได้รับมาจากหลวงปู่ดู่โดยตรง และช่วงไหนสวดมนต์นั่งสมาธิแผ่บุญ แผ่เมตตาสม่ำเสมอบุญจะเกิดที่ตัวเราดีมากยิ่งขึ้นครับทั้งพระธาตุบน องค์พระจะขึ้นเพิ่มขึ้นอีกด้วย (พระผงจักรพรรดิหลวงปู่ดู่ขึ้นพระธาตุทุกองค์) หลวงตาเคยเมตตากล่าวให้ฟังว่าพระที่ท่านทำขึ้นมาชุด นี้เป็นพระกำลังของพระโพธิสัตว์จึงมีพุทธคุณและ กำลังบารมี 10 เข้มข้นนำไปใช้ประโยชน์ในด้านกุศลได้ร้อยแปดพันเก้า หากนำไปบูชาก็จะเป็นการทำให้ภพภูมิเทวดาผีสางสัมภเวสีที่ผ่านไป ผ่านมารับกระแสตรงนี้เข้าไปปรับให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วยนอก (โดยการกำพระขอกำลังพระ/หลวงปู่สวดจักรพรรดิแล้วน้อมบุญไป) นอกนั้นยังมีพุทธคุณเข้มสำหรับการเจริญภาวนากรรมฐาน โดยการเอามากำก่อนนั่งสมาธิแล้วกำหนดจิตเข้าไปที่องค์พระ จะทำให้ภาวนาได้ง่ายขึ้นเพราะมีพลังงานจากองค์พระมาเสริมที่ ดวงจิตด้วยจากนั้นจึงไปทำสมาธิในแบบที่ท่านถนัดโดยเป็นวิธีการที่นิยมกันในหมู่ลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่เรื่อยมาจนถึงหลวงตาม้า ในปัจจุบันและหากนำพระไปแช่น้ำก็สามารถทำเป็นน้ำมนต์รักษา โรคหรือเป็นศิริมงคลแก่ตนก่อนออกไปดำเนินชีวิตก็ยังได้ หากนำพระไปแช่น้ำก็สามารถทำเป็นน้ำมนต์ รักษาโรคหรือเป็นศิริมงคล แก่ตนก่อนออกไปดำเนินชีวิตก็ยังได้ อฐิษฐานเอาโดยใช้คาถาจักรพรรดิ ยังไงก็ให้ตั้งอยู่ในความดีไว้ด้วย โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งและศีล5เป็นฐาน จะช่วยให้เราทรงในความดี และพุทธคุณช่วยเราได้เต็มที่