วันพฤหัสบดีที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2555

198: อุกกามณีดำ ทรงสรรพฤทธิ์อิทธิโชค

 

อัญมณีที่มาจากนอกโลก

"เงินทองบ่เสี้ยง เสี่ยงภัยบ่มี ลาภยศศักดิ์ศรี บารมีกว้างไกล"

ของสิ่งนี้ไม่ได้เกิดจากฝีมือมนุษย์ทำขึ้น จึงมีความสะอาดบริสุทธิ์มากสมควรเรียกว่าเป็นดาวนำโชคแก่ผู้ที่มีไว้กับตัว อีกทั้งยังสามารถ ใช้ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ ภูตผีปีศาจต่างๆมิให้มากล้ำกรายได้ด้วยในกระบวนรัตนชาติทั้งหลายนั้น ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นภายในโลกซึมซับพลังจากผืนแผ่นดินแต่มีอัญมณีอยู่บางชนิด ที่ส่งตรงลงมาจากฟากฟ้าจากแดนไกลแสนไกลนอกโลกของเรา ซึ่งการเดินทางที่ยาวไกลนี้เองทำให้อัญมณีชนิดนี้ ซึมซับพลังงานจากนอกโลก หรือพลังจักรวาลโดยตรงอย่างเต็มเปี่ยมจึงมีพลานุภาพ  เด่นล้ำไม่แพ้อัญมณีอื่นใดในโลก
อัญมณีก็คือ “อุลกมณี” หรือที่ชาวบ้านทางภาคเหนือเรียกว่า “แก้วข้าว” อัญมณีที่มาจาก สะเก็ดดาว นั่นเอง
อุลกมณี นี้มาอยู่ในโลกได้อย่างไร มีใครนำมาจากนอกโลกหรือตรงนี้ขอบอกว่า ไม่มีใครไปนำมาจากนอกโลกอันชิ้นส่วนของดวงดาว (สะเก็ดดาว) ที่หลุดลอยอยู่ในจักรวาล จะล่องลอยไปทั่ว (เหมือนในภาพยนต์ต่างประเทศ)
สะเก็ดดาวเหล่านี้มีบางก้อนได้เข้ามาใกล้โลกมากเลยถูกแรงดึงดูดของโลก ดึงเข้ามาตกบนพื้นผิวโลกช่วงที่ผ่านชั้นบรรยากาศเข้ามาได้แตกตัวออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยคนบนโลกจึงไม่รู้สึกว่า มีวัตถุใดตกลงมา
อุลกมณีมีลักษณะเด่นหลายประการ
มีความแข็งแกร่งของเนื้อวัตถุธาตุ มีสีดำสนิทดั่งนิล นิยมนำมาเจียระไนทำหัวแหวน เพราะยึดถือเป็นวัตถุธาตุศักดิ์สิทธิ์ ส่งเสริมอานุภาพของอัญมณีชนิดอื่น ให้เปล่งอานุภาพขึ้นอีกทวีคูณ ซ้ำยังทำหน้าที่ชำระล้างพลังงานเชิงลบที่ไม่พึงประสงค์ออกด้วย โดยอัตโนมัติ

อุกกามณีดำ ทรงสรรพฤทธิ์อิทธิโชค ปานทิพย์
บทความจาก ปีที่ 1 ฉบับที่ 8 เดือนพฤษจิกายน 2548



อุกกามณีดำ มงคลวัตถุที่ลือ เลื่องในอานุภาพสรรพคุณเป็นร้อย แปดพันประการที่จะนำเรื่องราวมา เสนอให้ได้พิจารณากันนี้ ครูบาอาจารย์บางท่านและผู้คนในบางถิ่นจะเรียกว่า สะเก็ดดาว หรือ อุกกาบาต ก็มีการเรียกกัน โดยชื่อนามที่เรียกขานดังกล่าว บ่งบอกอย่างค่อนข้างชัดเจนว่ามงคลวัตถุสิ่งนี้ ไม่ใช่ปฏิมากรรมที่ฝีมือมนุษย์ทำขึ้น แต่เป็นวัตถุธรรมชาติ ซึ่งเกิดแต่ชิ้นส่วนที่หลุดร่วงออกมาจากดวงดาวโดยธรรมชาติของมันเอง แล้วได้ล่องลอยไปในอวกาศจนกระทั่งเข้ามาสู่ระบบการโคจรในสุริยจักรวาล เข้ามาสู่ชั้บรรยากาศของโลกแล้วถูกแรงดึงดูดของโลกดึงเข้ามาตกในพื้นโลก เป็นปรากฏการณ์ที่ผ่านกาลเวลามายาวนาน อาจนับได้เป็นพัน เป็นหมื่น เป็นล้านๆปีมาแล้ว ซึ่งไม่มีใคร มงคลวัตถุบันดาลโชคลาภจากดวงดาว สามารถระบุเวลาที่ถูกต้องแน่นอนได้

ลักษณะของสะเก็ดดาวที่ตกลงมานั้นมีรูปทรงที่แตกต่างกันไปทั้งรูปร่าง และขนาด ส่วนมากจะเป็นก้อนค่อนข้างกลมบ้าง ค่อนข้างแบนบ้างหรือ เป็นเหลี่ยมก็มี แต่ที่เหมือนกันก็คือเนื้อแห่งวัตถุนั้นค่อนข้างแกร่ง แข็ง มีสีดำสนิทดุจมหานิล ดูผิวเผินจะคล้าย หิน แต่ถ้าได้พิจารณาดูจะรู้ว่าไม่ใช่ หากนำมาเคาะดูจะเกิดเสียงกังวานไพเราะไม่แพ้ระฆังเงิน โดยรอบๆก้อนจะมีรอยขรุขระ ไม่เรียบ เป็นหลุมเป็นบ่อเหมือนผิวพื้นดวงดาวที่นักอวกาศถ่ายภาพมานั่นแหละครับ หรือจะว่าขรุขระเป็นหลุมบ่อคล้ายผิวผลมะกรูดก็จะใกล้เคียง และเนื่องจากสีสันวรรณะ ดำสนิทดุจมหานิล จึงได้ชื่อว่า อุกกามณีดำŽ สำหรับด้านสรรพฤทธิ์อิทธิคุณที่กล่าวขานอย่างมีพยานหลักฐาน พอที่จะยืนยันได้ว่า ไม่ได้โม้... เป็นเรื่องจริง จากเหตุการณ์จริง ที่มีผู้พบประสบมา จริงๆŽ (ขออนุญาตหยิบยืมคำพูดของวีรบุรุษผืนผ้าใบขวัญใจชาวไทย สมรักษ์ คำสิงห์ จากโฆษณาสินค้าที่เป็น ปราการด่านสุดท้ายของท่านชาย มาเป็นคำยืนยัน คงไม่ว่ากันนะครับ)


ดังจะนำเสนอให้ได้พิจารณาเป็น ลำดับๆ ไป ครั้งแรกที่มีโอกาสได้สัมผัสรับรู้ในอิทธิสรรพคุณของมงคลวัตถุที่คนทั้งหลายเรียกว่า อุกกามณีดำŽ หรือ สะเก็ดดาวŽหรือ อุกกาบาตŽ จำได้ไม่เคยลืมว่าเป็นแต่ในครั้งที่ไป กราบนมัสการพระครูสุนทรธรรมโฆษิต เจ้าคณะอำเภอกันทรวิชัย (ธ) เจ้าอาวาสวัดป่าเลิงจาน ซึ่งเป็นวัดป่ากรรมฐานในเขตอำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม โดยขณะนั้นท่านมีฐานะเป็นพระครูสังฆรักษ์ฯ รับสนองศรัทธาญาติโยมมาสร้างวัดโนนแท่น ตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดมหาสารคาม เดินทางมานมัสการท่านด้วย ทราบข่าวว่าท่านมี ข้าวสารดำพันปีŽ วัตถุศักดิ์สิทธิ์มากสรรพคุณอีกอย่างหนึ่ง ที่มีผู้ไปขุดได้มาจากฐานเจดีย์พระธาตุนาดูน ใต้ฐานเจดีย์ องค์เก่าก่อนที่จะได้รับการบูรณะ อย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้ ขุดกันมาได้แล้วก็เก็บรักษาไว้นานนับสิบปีจึงได้นำมาถวายต่อท่านด้วยเลื่อมใสในปฏิปทา อานุภาพของข้าวสารดำพันปี ผมได้รับคำยืนยันบอกเล่าจากลูกศิษย์ ผู้มีประสบการณ์ของพระครูสุนทรธรรมโฆษิตศิษย์ผู้เป็นแม่พิมพ์ของชาติ เป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนท่าเรือวิทยา อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เคยลาพักราชการ มาบวชศึกษาธรรมอยู่ที่วัดกับท่านถึง 1 พรรษา มีชื่อว่า อาจารย์นิรันดรชัย พลนิกร ครั้งนั้น อาจารย์นิรันดรชัย พลนิกร ได้เล่าประสบการณ์ของ ตนเองที่มีกับข้าวสารดำพันปี ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับอานุภาพของ อุกกามณีดำ ซึ่งในที่นั้นเรียกกันอีกชื่อ หนึ่งว่า อุกกาบาตŽ หรือ สะเก็ดดาวŽ ให้ผมได้รับทราบในเบื้องหน้าพระครูสุนทรธรรมโฆษิต มีความดังนี้ครับ


เมื่อ 5 ปี ที่แล้วผมมาที่วัดนี้ (วัดโนนแท่น) กับร้อยตำรวจเอกกร ดวงชัย โดยมีจ่าตำรวจติดตามมาด้วย 1 นายเป็นผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจของ จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยปกตินายตำรวจ ผู้นี้เป็นคนแข็งแรง เพราะมีการออกกำลังกายบริหารร่างกายอยู่เสมอ มา กัน 3 คนมากราบท่าน ท่านก็ให้พระ งิ้วดำ นางพญางิ้วดำ ข้าวสารดำ และ อุกกาบาต ไปบูชากันทุกคน สำหรับ อุกกาบาตนี้ทราบว่าท่านเพิ่งจะได้มา แต่จะได้มาจากไหนไม่ทราบได้การมาในวันนั้นได้พูดคุยถึงเรื่อง ที่ว่าผมจะมาขุดพระทองคำที่ฝั่งอยู่ตรงโคนไม้ใหญ่หน้าวัดซึ่งท่านผู้มี ญาณทิพย์นั่งมองเห็นว่าถูกฝังไว้นานแล้ว คือผมได้พูดขึ้นมาว่าขุดขึ้นมาแล้วจะนำมาไว้ที่วัด แต่นายจ่าตำรวจ ที่มาด้วยได้บอกว่าเขาจะมาขุดด้วย เรื่องนี้ในจิตใจของผมคิดว่าขุดได้ จะนำมาไว้วัด แต่นายจ่าคนนั้นคงคิดต่างจากความตั้งใจของผม หลังจากพูดคุยกับหลวงพ่อเสร็จ แล้วก็เลยชวนกันไปรับประทาน อาหารด้วยกัน ขณะที่รับประทานข้าวกันอยู่นั้น ไม่ทราบว่าเป็นด้วยเหตุใด ข้าวสารดำและของดีที่ได้รับมาจากหลวงพ่อ เกิดกระเด็นออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ของนายจ่านั้น แล้วเขาก็ล้มฟุบลงบนโต๊ะสิ้นใจอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ ผมกับร้อยตำรวจเอกกรตกใจ รีบนำส่งโรงพยาบาลในทันที หมอช่วย ปั๊มหัวใจให้แต่ก็ไม่อาจช่วยชีวิตไว้ได้ บอกว่าหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวายไม่อาจช่วยได้ หมอจากโรงพยาบาล ว่าอย่างนั้นแต่บุตรภรรยาของจ่า คนนั้นไม่เชื่อ บอกว่าจ่าไม่ได้เป็นโรคอะไรมาก่อนน่าจะถูกวางยามากกว่าจึงนำร่างจ่าไปที่มหาวิทยาลัย ขอนแก่นเพื่อผ่าศพพิสูจน์ แต่เมื่อผ่าศพดูแล้วไม่ปรากฏว่ามีอะไรที่เป็นพิษอยู่เลยŽ อาจารย์นิรันดรชัยให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการเสียชีวิตของจ่าตำรวจ นายนั้นว่า สาเหตุที่ตายผมคิดว่าจ่าแกอาจคิดอกุศลเกี่ยวกับเรื่องการขุดพระพุทธรูปทองคำที่อยู่ใต้ดินประการหนึ่งเพราะที่บริเวณนั้นมีอาถรรพณ์ เฮี้ยนมาก เผลอไปทำไม่ดีไม่ร้ายเป็นได้เรื่อง การที่เจ้าของเดิมต้องถวายให้ สร้างวัดก็เพราะเหตุนี้ เขาไม่สามารถมาทำประโยชน์ในการทำมาหากินได้ อีกประการหนึ่งคงเป็นด้วยบุญเขา อาจจะไม่พอที่จะครอบครองของดีที่ หลวงพ่อท่านมอบให้ก็เป็นไปได้เช่นกัน เพราะวันนั้นท่านมอบให้ทั้งข้าวสารดำและอุกกาบาตŽ อาจารย์นิรันดรชัยเล่าความต่อไปอีกว่า สำหรับ อุกกาบาต กับ ข้าวสาร ดำ นี้ถ้าอยู่คู่กันเมื่อใดเขาว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก อย่างเช่น ทหารทางสุรินทร์เอาไปทดลองยิง ปรากฏว่า กระบอกปืนแตก ของสองสิ่งนี้พวกทหารจึงต้องการมากŽ จากคำบอกเล่าของท่านผู้มีประสบการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นที่แสดง ได้ว่าŽอุกกาบาตŽหรือ สะเก็ดดาวŽ ซึ่งเป็น มงคลวัตถุอย่างเดียวกัน กับอุกกามณีดำ มีอานุภาพ เป็นมหาอุด ปืนยิงไม่ออก!ทั้งนี้ต้องเนื่องอยู่ที่จิต เจตนา ศีลธรรมของผู้นำไปใช้ด้วย เป็นอานุภาพ ของสิ่งดีสิ่งนี้ที่ผมมี โอกาสได้รับรู้มาเป็นอันดับแรก


ต่อมาได้ทราบข่าวว่าอาจารย์ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก ผู้มีชื่อเสียงในวงการ บันเทิง ผู้บุกเบิกก่อตั้ง บริษัท กันตนาซึ่งผลิต ละคร สื่อบันเทิงหลายรูปแบบ ถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการบันเทิงในบ้านเมืองเราขณะนี้ ท่านมีความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์ทรงสรรพฤทธิ์ของอุกกามณีดำเป็นอย่างยิ่ง ทราบว่าความรุ่งโรจน์และรุ่งเรืองมั่นคงในชีวิตของอาจารย์ประดิษฐ์มี ส่วนเกี่ยวเนื่องถึงอิทธาอานุภา อุกกามณีดำŽอยู่ไม่น้อย จึงได้สืบความถามถึงประสบการณ์ของท่านและทราบถึงสรรพฤทธิ์อิทธิคุณของอุกกามณีดำจากประสบการณ์ของท่านผู้มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงอีกบทหนึ่งดังจะนำให้ได้พิจารณานัย ความดังนี้


...เมื่อปี พ.ศ.2543 ผมมีโอกาสสนทนากับ อาจารย์ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก ผู้ก่อตั้ง กันกันตนา วีดีโอŽ เกี่ยวกับเรื่องความลี้ลับอาถรรพณ์ ของวัตถุที่ท่านมีความเชื่อมั่นว่าเป็นของดี ของกายสิทธิ์ ทรงสรรพคุณ เป็นที่ควรแก่ความอัศจรรย์ แม้วันนี้อาจารย์ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก ได้ไปสู่สุขคติภพแล้ว แต่เรื่องราวของท่านในแง่ของความลี้ลับยังคงเป็นบทเรียนที่น่าศึกษาอีกบทหนึ่ง ของการดำรงชีพอยู่ในโลกกลมๆใบนี้อย่างยากที่จะปฏิเสธ จึงขอเก็บเรื่อง จริงจากประสบการณ์ของท่านมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นข้อมูลของการศึกษา เกี่ยวกับมงคลวัตถุกายสิทธิ์ที่มีความลี้ลับศักดิ์สิทธิ์อันทรงอิทธานุภาพ สรรพคุณเป็นที่ควรอัศจรรย์ละครวิทยุกันตนาŽ


หากจะถาม คนอายุ 45 ปี ขึ้นไป คงไม่มีใครจะมา ปฏิเสธได้ว่าไม่รู้จักเพราะเป็นละคร คณะเดียวที่นำเสนอเรื่องราวอันน่า ตื่นเต้นในแนวลี้ลับอาถรรพณ์มาโดยตลอดสลับสับเปลี่ยนกับละครชีวิต รักชีวิตจริง กันตนาŽ ผลิตละคร วิทยุ- โทรทัศน์ เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับ อาถรรพณ์มากมายคณานับ ที่ได้รับความนิยมจากปลายปากกาการประพันธ์ของท่าน อาทิ ปอบผีฟ้า ห้องหุ่น ลูกกรอกคะนองฯลฯ แต่กว่าจะมาเป็นบริษัทกันตนา วีดีโอ. อันมั่นคง มั่งคั่งในปัจจุบันจะมีใครบ้างที่รู้ถึงการต่อสู้อย่างอดทนของ อาจารย์ประดิษฐ์ ซึ่งมีอาจารย์สมสุข กัลย์จาฤก ผู้ภรรยา คอยเป็นแรงใจสนุบสนุนว่ามีมากน้อยเพียงใดซึ่งสิ่งนี้เป็นบทพิสูจน์อะไรมากมายให้ชนรุ่นหลังได้เห็นและได้ศึกษา 


อาจารย์ประดิษฐ์ เป็นนักต่อสู้ ชีวิตมาโดยตลอดในการทำงาน บางครั้งถึงกับขนาดเคยนำเครื่องมือหากินบางอย่างเข้าโรงรับจำนำ โดยมีลูกสาวคอยนับวันส่งดอกและไถ่ถอนคืน รางวัลที่ได้รับเมื่อในอดีตที่เป็นทองคำแท้ก็นำไปขายเพื่อนำเงินมาลงทุนแล้วทำของเทียมมาตั้งไว้ (จากหนังสือประวัติที่แจกในงานพระราชทานเพลิง) ครั้งแรกที่ผมได้เข้าพบและสนทนากับอาจารย์ประดิษฐ์ เป็นที่บ้านกันตนา บางใหญ่ ขณะนั้นอาการป่วยของท่านทุเลาดูเหมือนเป็นปกติ สามารถพูดคุยได้อย่างเข้มแข็งแล้ว หากแต่ยังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของ แพทย์และพยาบาล ได้สนทนากับท่านหลายๆ เรื่อง แต่เรื่องสำคัญที่ยังติดใจจนถึงวันนี้มี อยู่ 2 เรื่อง เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความลี้ลับของอุกกามณีดำและเรื่องการตายแล้วฟื้นของตัวท่านเอง อาจารย์ประดิษฐ์เล่าถึงมูลเหตุที่ มีความเชื่อมั่นในอิทธิสรรพคุณของ อุกกามณีให้ฟังดังนี้ครับ ท่านว่าได้รู้จักกับมงคลวัตถุที่ เรียกว่าอุกกามณีดำŽนี้มานานปีดีดักมาแล้ว รู้มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังอยู่ ในวัยหนุ่ม คือแต่ครั้งเมื่ออุปสมบท และลาสิกขาแล้ว พี่ชายของอาจารย์ สมสุขได้นำเอาวัตถุชนิดหนึ่งมาให้ เป็นวัตถุวรรณะดำสนิท ผิวขรุขระ เป็นหลุมบ่อไม่เรียบเกลี้ยงดูคล้ายดวงดาวจากภาพถ่ายของนักอวกาศ มอบให้พร้อมบอกว่าของสิ่งนี้เป็นของศักดิ์สิทธิ์มีสรรพคุณ 108 ประการ ผู้ใดมีไว้บูชาหรือพกพาติดตัวแล้วชาตินี้จะมีกินมีใช้ไม่ลำบาก ยากแค้น เขาเรียกว่า อุกกามณีดำ เก็บรักษาให้ดีนะ รับมาก็เก็บรักษาอย่างดีใส่กระเป๋าพกพาติดตัวเรื่อยมา ช่วงนั้นได้เริ่มผลิตละครวิทยุมากมายหลายเรื่อง และเริ่มก้าวเข้าสู่จอแก้วแล้วที่ช่อง 4 บางขุนพรหม ได้พกวัตถุที่เรียกว่าอุกกามณีดำนี้ตลอด โดยเหน็บที่กระเป๋าหลังบ้าง กระเป๋าเสื้อบ้างเพราะสมัยก่อนเป็นนักประพันธ์บทเอง เป็นผู้กำกับเอง เป็นพ่อครัวทำอาหารให้ดารากินกันเอง พูดง่ายๆ ว่าทำเองทุกอย่างตั้งแต่ สากกะเบือยันเรือรบ เมื่อพกติดตัวมาเรื่อยๆ รู้สึกว่าดีมาโดยตลอด ดีทั้งโชคลาภ การงาน การเงินการติดต่อสัมพันธ์กับคนทั้งหลาย ทำให้สามารถมีสิ่งต่างๆได้สมความปรารถนา จึงเกิดมีความเชื่อมั่นว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพเป็นที่ควรแก่อัศจรรย์แน่แท้ จึงมักแนะนำแก่ผู้อื่นเสมอๆ ว่าอุกกามณีดำเป็นของดีบริสุทธิ์ มาจากนอกโลก เป็นอุกกาบาตหรือ สะเก็ดดาวที่หลุดร่วงจากดวงดาว 


พระอุกกามณีดำ ขนาดห้อยคอ,หัวแหวน และประคำอุกกามณีดำของวัดสะแล่ง ผ่านอวกาศมาในลักษณะเป็นของ เหลว ลักษณะก๊าซ แล้วมาแข็งตัวเมื่อ สู่ชั้นบรรยากาศของโลกเราเป็นก้อนวัตถุแข็งสีดำสนิท ของสิ่งนี้จึงไม่ใช่ผลงานที่มนุษย์สร้างขึ้น จึงมีความสะอาดบริสุทธิ์อย่างมาก เป็นดาวนำโชคแก่ผู้มีไว้กับตัวอย่างแท้จริงซึ่งผมได้เห็นผลที่เกิดกับตัวเองมาแล้วŽ ได้เล่าให้ฟังต่อไปว่าภายหลัง เมื่อเห็นผลในสรรพคุณจนเป็นที่แน่แก่ใจแล้ว ท่านได้แสวงหามาเพิ่มเติมอีกหลายชิ้น นำอุกกามณีดำที่ได้มา นั้นไปแกะสลักเป็นพระเครื่องในรูปแบบพระพิมพ์ต่างๆ อาทิ พิมพ์พระสมเด็จ พิมพ์นางพญา พิมพ์ซุ้มกอ พิมพ์ลีลาเม็ดขนุน พิมพ์แบบจันทร์ลอยเป็นต้น แกะเป็นองค์พระด้วยคติบูชามงคลของชาวพุทธเพื่ออาราธนาไว้ใช้เอง แล้วก็มีบ้างที่แบ่งปันให้ลูก หลาน ญาติมิตรคนสนิทที่มักคุ้น ที่ เคารพนับถือไปบูชาโดยบอกแก่ทุก คนที่มอบให้ว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่มีดีอยู่ในตัวสมบูรณ์แล้ว ไม่จำต้องให้ใครมาคอยปลุกเสกอีก ขอเพียงให้มี ความเชื่อมั่นเท่านั้นเป็นพอ ท่านว่าไม่แต่เพียงลูกหลานญาติ มิตร คนสนิทผู้ที่เคารพนับถือเท่านั้น แม้ดารานักแสดงหลายคนที่ได้อุกกามณีดำจากท่านไป ทุกคนต่างประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยแรงแห่ง อธิษฐานเป็นดุจเดียวกัน ได้เปิดเผยให้ทราบอีกว่า อุกกามณีดำที่ได้มาที่เป็นก้อนขนาดที่ใหญ่ที่สุดนั้น ท่านได้จ้างให้เขาแกะเป็นรูปพระพุทธรูปงดงามมาก ที่พระเนตรมุกฝังนิล โดยพระองค์นี้ถือว่าเป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญที่สุด เป็นพระประจำตระกูลกัลย์จาฤก เป็นความเชื่อมั่นด้วยจิตศรัทธาอันแน่นแฟ้นของอาจารย์ประดิษฐ์ กัลย์จาฤก ที่มีต่ออิทธานุภาพ สรรพคุณของมงคลวัตถุกายสิทธิ์ที่ เรียกว่า อุกกามณีดำŽ เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับอาจารย์ประดิษฐ์อีกเหตุการณ์หนึ่งที่เป็นบทศึกษาให้เห็นถึงความเชื่อมั่น อันแน่นแฟ้นที่มีต่อ อุกกามณีดำ มงคลวัตถุกายสิทธิ์ เป็นเหตุการณ์ จากการตายแล้วฟื้นเหตุการณ์นี้ อาจารย์สมสุข กัลย์จาฤกภรรยาของท่านเป็นผู้เล่าให้ฟัง

ได้เล่าว่าเมื่อหลายปีก่อน...วันนั้นท่านและอาจารย์ประดิษฐ์เตรียมตัวกันเดินทางไปจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อไปงานศพของญาติผู้ใหญ่ท่านบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะที่ท่าน (อาจารย์สมสุข) กำลังแต่งกายอยู่ในห้องพักชั้นบนอาจารย์ประดิษฐ์ซึ่งแต่งกายเรียบร้อย แล้วได้ลงไปนั่งรอยังห้องรับแขกชั้นล่าง เมื่อเสร็จก็ลงมาเพื่อเดินทางไปด้วยกัน พอลงมาชั้นล่างก็เห็นอาจารย์ประดิษฐ์นั่งอยู่ที่เก้าอี้ชุดรับแขกในลักษณะที่หลับไหลไม่มีสติแรกๆ ก็เรียกปลุกเบาๆ แต่ท่านก็ไม่ตอบรับเขาไปสะกิดปลุกก็ไม่ตื่น ทำให้เอะใจเพราะแต่ไหนแต่ไรมาท่านไม่ใช่คนขี้เซาหลับไม่รู้เรื่องรู้ความ จึงเขย่าแขนแรงๆ ก็ยังไม่รู้สึกอีก พอเรียกปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น อย่างนั้นจึงเอามือไปรองลมหายใจที่จมูกดู ลมแทบใส่เลยทีนี้ ท่านไม่มีลมหายใจ! อาจารย์ประดิษฐ์หมดลมหายใจแล้ว! จึงร้องเรียกคนในบ้านให้มาช่วยกันทุกคนพอรู้ว่าอาจารย์ประดิษฐ์เป็นอย่างนั้นก็ตกใจกันไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลยทีนี้ กว่าจะได้สติ ช่วยกันนำท่านส่งโรงพยาบาลก็นานโขอยู่เหมือนกัน จากบ้านกว่าจะไปถึงโรงพยาบาลก็นานนับชั่วโมง ไปถึงก็นำเข้าห้องฉุกเฉินเป็นการด่วน แพทย์-พยาบาลช่วยกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่สามารถเรียกสติ อาจารย์ประดิษฐ์ขึ้นมาได้ ท่านหมดลมแล้ว แต่อาศัยว่ามีความคุ้นเคยกับแพทย์และพยาบาลที่นั่นพอสมควร เห็นว่าร่างท่านยังอุ่นๆอยู่ จึงขอให้เขาช่วยตามที่พอจะช่วยได้ไปก่อน สุดความสามารถจริงๆแล้วค่อยว่ากันอีกที


อาจารย์สมสุขเปิดเผยถึงความรู้สึกในยามนั้นว่าท่านรู้สึกสลดหดหู่เดียวดายมากๆ ความหวังที่ว่าอาจารย์ ประดิษฐ์จะฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้งนั้นริบรี่จริงๆ เพราะท่านหมดลมแล้ว หัวใจหยุดทำงานแล้ว จอภาพจากเครื่องจับคลื่นหัวใจไม่ได้แล้ว จึงได้แต่ทำใจ บอกแก่ทุกคนให้ทำใจนึกถึงคุณพระคุณสงฆ์ที่ท่านเคยสั่งสอนเข้าข่ม ในเวลาเดียวกันนั้นก็ได้น้อมนึก ถึงบุญกุศลที่เคยสร้างสมร่วมกันมาโดยตลอด นึกน้อมขอบุญฤทธิ์อิทธิบารมีของครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือ ให้ท่านช่วยแผ่ฤทธิ์บารมีมาช่วยเหลืออาจารย์ประดิษฐ์ในครั้งนี้ด้วย นึกขออำนาจไปถึงเทพเจ้าจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนเขาเชื่อมั่นศรัทธาตามที่จะนึกได้ในเวลานั้นด้วย อาทิ ไตฮองกง เจ้าพ่อเสือฯลฯ เป็นต้น ขอให้ท่านผู้มีฤทธิ์มีความศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นแผ่บารมีช่วยให้อาจารย์ประดิษฐ์ฟื้นขึ้นมาก่อนอย่าเพิ่งด่วนจากไป นับเวลาที่ไปอยู่โรงพยาบาลผ่านไปก็หลายชั่วโมง อาจารย์ประดิษฐ์ท่านก็ยังคงนอนนิ่งสงบอยู่อย่างนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ ทุกคนที่ไปเฝ้าดูอาการที่โรงพยาบาล ก็เริ่มทำใจให้ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นแต่อาจเป็นเพราะบุญกุศลที่เคยร่วมกันทำมา แรงแห่งการอธิษฐานจิตขออิทธิฤทธิ์บารมีแห่งคุณพระคุณสงฆ์ คุณแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพเจ้าผู้เรืองฤทธิ์ทั้งหลายของอาจารย์สมสุขดังกล่าว ในช่วงเวลาของการสิ้นหวัง หลังจากมอบหมายให้ญาติไป จองศาลาวัดเพื่อบำเพ็ญกุศลตาม ประเพณีแล้วอาจารย์สมสุขเกิดนึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ อุกกามณีดำ! พระอุกกามณีดำซึ่งอาจารย์ประดิษฐ์ศรัทธาเชื่อมั่นในสรรพฤทธิ์อิทธิคุณเป็นอย่างยิ่ง!นึกขึ้นมาได้อย่างนั้นจึงไม่รั้งรอ นำพระอุกกามณีดำของอาจารย์ประดิษฐ์ที่ท่านห้อยอยู่ที่คอนั้นมาอธิษฐานขอบารมี สิ้นคำอธิษฐาน ปาฏิหาริย์เหนือความคาดคิดก็เกิดขึ้นให้เห็นเป็นที่ประจักษ์! จอแสดงกราฟจากเครื่องจับ คลื่นหัวใจแสดงภาพการทำงาน ...หัวใจอาจารย์ประดิษฐ์เริ่ม ทำงานแล้ว! สังเกตที่ร่างนิ้วมืออาจารย์ประดิษฐ์เริ่มขยับให้เห็น! อาจารย์สมสุขเห็นอย่างนั้นจึง บอกแก่ทุกคนให้ช่วยกันดูอย่างดีอกดีใจ เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเห็นนั้นไม่ใช่ตาฝาดนึกเห็นไปเอง ซึ่งทุกคนก็เห็นเช่นเดียวกับที่อาจารย์สมสุขเห็น ความหวังจึงฉายแสงเจิดจ้าขึ้นมาอีกครั้งหลัง จากดับมืดลงไปแล้ว อึดใจต่อมาทุกๆคนที่อยู่ในที่ นั้นก็สามารถยิ้มได้ทั้งน้ำตาด้วยความ ปีติดีใจเป็นที่สุด เมื่ออาจารย์ประดิษฐ์ค่อยลืมตาขึ้นมามองทุกคนอย่างจำได้หมายรู้อาจารย์ประดิษฐ์มีสติแล้ว ฟื้น จากความตายแล้ว หลังจากหมดลมหัวใจหยุดทำงานนานนับหลายชั่วโมง! ฟื้นคืนสติด้วยบุญกุศลที่สร้างสมมา ด้วยคุณพระคุณสงฆ์ อิทธิฤทธิ์เทพเจ้าผู้เรืองฤทธิ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์...ด้วยสรรพฤทธิ์พระอุกกามณีดำ! ซึ่งสมแล้วในอิทธิสรรพคุณที่อาจารย์ประดิษฐ์ท่านได้รจนาโฉลก คำกลอนไว้อย่างไพเราะว่า เงินทองบ่เลี่ยง เสี่ยงภัยบ่มี ลาภยศศักดิ์ศรี บารมีกว้างไกลŽ อิทธิสรรพฤทธิ์อุกกามณีดำที เกิดแต่ประสบการณ์ของอาจารย์ ประดิษฐ์ด้วยประการต่างๆ รวมถึงบุคคลใกล้ชิดที่ได้รับไปอาราธนาอธิษฐานจากท่าน เป็นที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในแวดวงวงการบันเทิง แม้รายการโทรทัศน์จากประเทศญี่ปุ่นก็ยังเคยเดินทางมาถ่ายทำสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องอุกกามณีดำนี้จากท่านเพื่อนำไปเผยแพร่ให้ชาวโลกทั้งหลายได้รับรู้ คุณผู้อ่านครับ นายทหารลูกประดู่ต่อสู้ชีวิตจากมือเปล่าจนกระทั่งมามีความมั่นคงทางฐานะ นอกจาก ความจริงใจ ตั้งใจมั่นคงแล้ว ที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจก็เป็นส่วนสำคัญด้วย เช่นกันดูช่างเหมาะสมเสียเหลือเกิน อุกกามณีดำได้ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้าไกลนั่น เพื่อมาเป็นหมายนิมิตสิริมงคลให้แก่อาจารย์ประดิษฐ์ผู้ที่ริเริ่มงานทางด้านการแสดงปั้นนักแสดง ให้โด่งดังมามากมายหลายคน นักแสดงในบ้านเรามักเรียกว่า ดาราŽ หมายถึง ดาว แล้วการที่ดาว จริงๆ ได้มาอยู่ในการครอบครองของท่านนับว่าเป็นสิ่งที่บังเอิญแต่เหมาะสมเสียงจริงๆ ตลอดที่ท่านมีชีวิตอยู่นั่น ท่านไม่เคยอาราธนาสิ่งใด ไม่มีเครื่องรางมงคลชนิดใดติดกายของท่านเลยนอกจากอุกกามณีดำ ที่ท่านมีความเชื่อมั่นและศรัทธาเป็นอย่างมาก แม้วันนี้จะไม่มีท่านอยู่ในรูป ลักษณะของสังขาร แต่คุณงามความดีที่ท่านได้สร้างเอาไว้ให้กับสังคมไทย ทางด้านการบันเทิงยังคงมีอยู่มากกว่าคณานับทีเดียว

...Žอีกเรื่องราวหนึ่งเกี่ยวกับสรรพฤทธิ์ความศักดิ์สิทธิ์ของอุกกามณี ดำที่ได้ทราบมาเป็นประสบการณ์ที่ได้รับการเปิดเผยให้ทราบ จาก คุณประสิทธิ์ ปุณณะพยัคฆ์ เล่าความให้ฟังถึงปาฏิหาริย์ที่ได้รับมา จากอิทธิสรรพฤทธิ์อุกกามณีดำด้วย ตนเองให้ฟังดังนี้ สมัยก่อนเมื่อหลายปีมาแล้ว ผมเกิดเจ็บป่วยไม่สบายอาการไม่หนักอะไรมากมากเป็นแต่รู้สึกอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง ไม่มีกะจิตกะใจ จะทำการงานอะไร วันทั้งวันนึก อยากแต่จะนอนพักผ่อน เป็นอาการที่ ผมไม่เคยเป็นมาก่อนคิดเอาเองในตอนนั้นว่าคงเป็น เพราะเราอายุมากขึ้น คงสิ้นวัยที่จะทำงานแล้ว เอาจริงเอาจังกับงานมาตลอดคงจะถึงเวลาหยุดพักผ่อนแล้ว นั่นเป็นความรู้สึกของผมแต่ความรู้สึกของภรรยาผมเธอไม่คิดอย่างนั้น คงเป็นเพราะเธอรักและห่วงผมมากจึงรบเร้าผมไปให้หมอตรวจเช็กอาการเพื่อที่จะได้ รักษาทันท่วงที แต่หมอก็บอกว่าร่างกายผมปกติทุกอย่าง ไม่ได้ป่วยไข้อะไรจึงหายาบำรุงมาให้รับประทาน ความเป็นห่วงเป็นใจในผมไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ภรรยาผมเขาได้เอาวันเดือนปีเกิดไปให้หมอตรวจสอบไห้ด้วย คราวนี้เธอไปหาหมอดูŽนะครับ ไม่ใช่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล เธอจะไปหาหมอดูที่ไหนชื่ออะไรผมไม่ทราบ เพราะไม่เคยเชื่อในเรื่องพวกนี้มาก่อน แม้ผมจะมีอายุมากแล้ว แต่ก็ได้เรียนมาพอสมควร เรียนทางวิทยาศาสตร์ด้วย จึงไม่ค่อยเชื่อถือในเรื่องประเภทนี้เท่าใดนัก ภรรยาผมไปหาหมอดูมาแล้วมาเล่าให้ฟัง หมอดูบอกว่าตามดวงชะตาของผมนั้นจะต้องไม่สบายและอาจจะต้องถึงกับเสียชิวิตเพราะการป่วยครั้งนี้ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจในเรื่องที่ภรรยาเล่าให้ฟัง คุณประสิทธิ์ หยุดเว้นช่วงนิดหนึ่งเพื่อสังเกตว่าสิ่งที่เขาเล่าให้ฟังอยู่นั้นเป็นที่สนใจของผู้ฟังหรือเปล่า เพื่อแน่ใจว่าตนไม่ได้พูดอยู่กับสายลมและแสงแดดจึงเล่าให้ฟังต่อไปอีก แต่ก็เป็นเรื่องที่แปลกมากๆครับ เพราะหลังจากวันที่ภรรยาเอาวันเดือนปีเกิดของผมไปให้หมอดูตรวจดวงชะตาให้กับผม แล้วได้ทราบว่าตามดวงผมจะต้องป่วยหนัก จากวันนั้นมาร่างกายของผมก็เริ่มทรุดหนักเรื่อยๆ ทำท่าว่าจะตายเอา เสียให้ได้ ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ให้หมอเช็คร่างกาย ตรวจดูว่าเป็นโรคอะไร แต่หมอก็ตรวจหาสมมติฐานของโรคไม่เจอ พอเป็นอย่างนั้น ภรรยาผมเขาไม่รู้ว่าจะช่วยผมได้อย่างไรจึงหันหน้าไปพึ่งพาหมอ (ดู) คนเดิม ได้ไปถาม หมอดูว่าจะให้ทำอย่างไรในเมื่อเรื่องมันเป็นอย่างนี้ พอจะมีลู่ทางวิธีการอะไรที่จะแก้ไขได้บ้าง เธอได้เล่ารายละเอียดให้หมอดูฟังจนหมดสิ้นถึง เรื่องราวอาการที่เกิดขึ้น เธอ...ภรรยาผมนะครับได้รับคำแนะนำมาจากหมอดูว่า ทางแก้มีทางเดียวเท่านั้น คือให้ไปหา สะเก็ดดาวŽหรือว่า อุกกามณีดำŽ เอามาไว้พกติดตัว ของสิ่งนี้เป็นของดีและของวิเศษจะสามารถช่วยแก้อาถรรพณ์ รักษาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นได้จะรักษาให้หายด้วยวิธีอื่นไม่มีŽ ภรรยาผมตอนนั้นเธอก็ไม่รู้หรอกว่า อุกกาบาต หรืออุกกามณีดำ ที่หมอดูว่านั้นเป็นอะไร แต่เธอก็พยายามเสาะแสวงหา เรียกว่า ตะรอนๆหาเป็นการใหญ่ ในที่สุดเธอก็ได้มาก้อนหนึ่ง ไม่ทราบว่าเธอไปได้มาจากไหน จำได้แต่เพียงว่าเธอซื้อมาในราคาค่อนข้างแพงมากซึ่งเธอเองก็คิดอย่างนั้น แต่ก็สู้ราคาเพราะอยากจะให้ผมหายจากโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ ได้มาก็นำไปสอบถามหมอดูเจ้าเดิมให้แน่ใจว่าใช่สิ่งนี้หรือไม่ที่เรียกว่าสะเก็ดดาวหรืออุกกามณีดำ ซึ่งพอได้รับคำรับรองยืนยันว่าใช่แน่ เธอก็นำมาให้ผมพกพาติดตัวตามที่หมอดูแนะนำมา การทำอย่างนั้นแม้ผมจะไม่มีความเชื่อว่าจะเป็นอย่างที่เขาว่านั้นได้เลยแต่ก็ไม่อยากขัดใจในศรัทธา ความเชื่อของภรรยาที่เรารู้ว่าเขาหวังดี มีเจตนาดีต่อเราอย่างจริงใจ จึงพกพาไว้กับตัวอย่างเสียไม่ได้Ž คุณประสิทธิ์เล่าความจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองให้ฟังต่อไปอีกว่า ก็น่าแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่ผมรับอุกกาบาตหรืออุกกามณีดำจากภรรยามาพกพาติด ตัวโรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่ ค่อยมีอาการที่ดีขึ้นจนสังเกตได้ และค่อยหายไปในเวลาต่อมาซึ่งไม่นานนัก! เพียงไม่กี่วันผมก็รู้สึกและบอกกับ ตนเองว่าเราเป็นปกติแล้วหายจากป่วยแล้วและทำอะไรต่างๆได้อย่าง เป็นปกติทุกอย่างŽคุณประสิทธิ์นิ่งเงียบไปอีกอึดใจ หนึ่งเหมือนกำลังนึกทบทวนเรื่องราว ในเหตุการณ์ที่เกิดแก่ตนบางอย่างจากนั้นจึงร้อง อ๋อŽ แล้วเล่าความต่ออีกว่า หมอ(ดู)บอกผ่านทางภรรยาผมว่า อิทธานุภาพอุกกามณีดำนี้ จะถ่วงไม่ให้เบื้องบน (สวรรค์) นำตัวผมไป ทีแรกที่ทราบความคิดที่ว่านี้มาจากภรรยา ผมอดคิดตามคติของผมไม่ได้ว่า หมอ(ดู)คนนี้ชักจะบ้าแล้ว เลอะเทอะไปยกใหญ่ คนป่วย อย่างนี้เอาสวรรค์เบื้องบนมาอ้างมันไม่เข้าท่าเอาเสียเลย แต่หากเป็นจริงดังที่หมอดูคน นั้นว่า เบื้องบนหรือสวรรค์ก็ไม่สามารถเอาผมขึ้นไปได้จริงๆ เมื่อมี อุกกามณีดำอยู่กับตัวอย่างที่เขาว่า มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อจนไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร


...Žได้แสดงความคิดเห็นในเรื่อง ราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองต่อไปอีกว่า สวรรค์นั้นใครๆ ก็ปรารถนาอยากจะขึ้นไปอยู่เสวยสุข แต่ผมกลับไม่อยากขึ้นไปอยู่ สถานที่ไหนก็ช่าง ที่เราไม่อยากไปอยู่ สถานที่นั้นก็ไม่อาจเรียกว่าสวรรค์ได้อย่างพระอินทร์ไม่ให้พระเจ้ายุธิษเฐียรนำเอาสุนัขตัวโปรดที่คลอเคลียติดตามพระองค์ตลอดเวลา ขึ้นไปบนสวรรค์ด้วย (ขึ้นสวรรค์ เป็นๆ ทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่) พระเจ้ายุธิษเฐียรกราบเรียนต่อพระอินทร์ว่าถ้าไม่อนุญาตให้นำสุนัขขึ้นไปด้วย พระองค์ก็ไม่ปรารถนาจะไปเมืองสวรรค์ จะไปอยู่ในที่ใดก็ได้หากที่นั่นมีความสุขใจมันก็เหมือนกับได้อยู่บนสวรรค์ อุกกามณีดำถ่วงไว้ไม่ให้เขาเอาผมขึ้นไปอยู่บนสวรรค์เบื้องบนในช่วงเวลาที่เจ็บป่วยนั้น ทำให้รู้สึกว่าผมเป็นหนี้บุญคุณอุกกามณีดำมาจนทุกวันนี้ เดี่ยวนี้อายุอานามผมปาเข้าไป 70-80 ปีเข้าไปแล้ว ผมก็ยังบอกกับตัวเองว่าผมยังปรารถนาอยู่ในโลกกลมๆใบนี้ ต้องการอยู่ที่กรุงเทพฯนี้แหละ ผมอยู่แล้วมีความสุขใจ กรุงเทพฯก็เป็นดั่งสวรรค์ของผมŽ คำสรุปในคำบอกเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ปาฏิหาริย์ที่เกิดจากสรรพฤทธิ์อิทธิคุณของอุกกามณีดำที่คุณประสิทธิ์ได้รับมาจบลงด้วยการเปิดเผยให้ทราบว่า 


ภายหลังผมได้มารู้จักกับท่านครูบาวัดสะแล่ง ท่านเมตตามอบอุกกามณีดำหรือสะเก็ดดาว ซึ่งบางคนเรียกว่า อุกกาบาตŽ ให้แก่ผมเมื่อผมไปนมัสการท่านที่วัด รับมาจากท่านผมถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว รับมาแล้วจึงเล่าถึงเรื่องราวดังที่กล่าวมานั้นให้ท่านฟัง บอกกับท่านว่าผมเชื่อแล้วว่าของสิ่งนี้เป็นของวิเศษ เป็นของดีจริงๆ ผมเคยเจอมาแล้วอย่างที่เล่าให้ฟังนั่นแหละครับ สำหรับอุกกามณีดำที่ได้รับมา จากครูบาวัดสะแล่งในคราวนั้น ผมได้เอามาแจกจ่ายให้ลูกๆหลานๆ พร้อมทั้งบอกเล่าสรรพคุณให้เขาฟัง ว่าที่พ่อที่ปู่ไม่ตายมีอายุนอกจนวัน นั้นก็เพราะอุกกามณีดำนี้แหละ เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังนี้เป็นเรื่องที่ เกิดกับผมเอง หากเล่าให้คนที่ไม่เชื่อไม่เคยรู้เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของอุกกามณีดำ อาจมีคนมองผมว่าเชื่ออะไร ก็ไม่รู้ไร้สาระ แต่ใครจะว่าอย่างไร ก็ช่าง ผมไม่สนใจ เพราะสรรพฤทธิ์อิทธิคุณของของดีสิ่งนี้ผมได้รับมากับตัว เห็นและมั่นใจว่าเป็นของดีจริง มีฤทธิ์ปาฏิหาริย์ๆŽ ทั้งหมดนี้เป็นความบอกเล่าอย่างมั่นใจของคุณประสิทธิ์ ปุณณะพยัคฆ์ ผู้ที่รอดชีวิตหายจากโรคร้ายซึ่งแพทย์จากโรงพยาบาลตราจหาสาเหตุสมมติฐานของโรคไม่พบ ด้วยอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของอุกกามณีดำเพียงแต่มีพกพาติดตัวไว้ เท่านั้น!

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับสะเก็ดดาว
สะเก็ดดาว (Tektite) จัดเป็นวัตถุหนึ่งที่เป็นประเภทแก้วธรรมชาติ ที่พบบนโลก ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิดที่ ในทางภายนอกทางกายภาพแล้ว สะเก็ดดาวจะมองดูลักษณะคล้ายแก้ว ซึ่งมีสีแตกต่างกันออกไป ตามประเภทและแหล่งที่พบ อันนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงอายุของสะเก็ดดาวด้วย และนอกเหนือจากนั้นในทางอนุภาคขนาดเล็ก เมื่อทำการทดสอบแล้ว พบว่าสะเก็ดดาวมีความหล้ายคลึงกับแก้ว ประเภท Obsidian แต่ส่วนประกอบแตกต่างจากแร่ คริสตัล ทั่วไป นั้นเป็นที่มาที่ไปให้นักวิทยาศาสตร์ สงสัยและยังหาข้อสรุปไม่ได้ สะเก็ดดาวเป็นส่วนประกอบทางธรรมชาติที่ประกอบด้วยวัตถุเหมือนกัน ซึ่งเกิดจากการหลอมละลายและการผสมผสานที่ลงตัว ในสะเก็ดดาวยังพบว่ามีส่วนประกอบของน้ำและอากาศที่น้อยมาก ซึ่งสังเกตได้จากเมื่อมีการตัดทดสอบสะเก็ดดาวแล้วพบว่า ไม่มีฟองอากาศเลย แต่ผิวภายนอกมีมากมายหลายแบบ เนื้อภายในปิดสนิท สะเก็ดดาวเกิดจากการหลอมตัวที่อุณหภูมิสูงมากๆ และมีอายุยาวนานหลายแสนปี จนถึงหลายล้านปี
สะเก็ดดาวมาจากที่ใด ไม่มีใครทราบและยืนยันได้แน่ชัด เท่าที่ทราบเวลาผ่านมามากกว่า ร้อยปี ยังไม่มีข้อสรุปมีแต่สมมติฐานเท่านั้น ซึ่งสมมติฐานที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ สมมติฐานการชนของอุกกาบาตกับโลก กระจายเป็นสะเก็ดดาวตกไปตามที่ต่างๆ ทั่วโลก
ในหลุมดาวตก ดินและหินที่อยู่ใกล้ หลอมรวมกันเป็นน้ำร้อนเหลว บางส่วนระเหยกลายเป็นไอ คล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งสะเก็ดดาวอาจเกิดจากทฤษฏีนี้ และมีคำถามต่อมาว่า หากเป็นกรณีนี้จริง มักจะพบคำถามที่ว่า สะเก็ดดาวกระเด็นกระดอนไปไกลเท่าไหร่ กระโดดไปสูงเท่าไหร่ หรืออาจมีเส้นทางโครจรไป ในอวกาศแล้วตกกลับลงมา ซึ่งชิ้นส่วนที่ตกลงมาต้องมีความเร็วที่สูงมาก และมีระยะทางเคลื่อนที่ที่ไกลพอสมควร ทำให้มีเวลาที่จะ เปลี่ยนหรือสร้างรูปทรงเป็นแบบต่าง ก่อนจะตกลงมาสู่พื้นโลก ซึงจากการทดสอบพบว่า สะเก็ดดาวกลุ่ม Australasian สามารถโปรยตกออกไปได้ 1,000 กิโลเมตร จากแหล่งที่ตก หรือจากหลุมอุกกาบาต ซึ่ง ระยะนี้ เพียงพอที่จะทำให้สะเก็ดดาว สร้างแบบของตัวเอง เป็นรูปทรงแบบต่างๆ โดยรูปทรงที่ว่านี้ เกิดจากการหมุนรอบตัวเอง ด้วยความเร็วนั่นเอง ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ ยังพบแล้วว่า ในการทดสอบ สะเก็ดดาวมีความเกี่ยวเนื่องกันกับ หินบนพื้นโลก มีการหลอมตัวคล้ายคลึงกับหินบนโลกบางชนิด แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวครับ เขียนโดย สุริยัน 

ที่มา: http://www.esantektite.com


TEKTITE ( สะเก็ดดาว ) บางทีก็จะเรียกว่า อุกมณี หรือ คดปลวก
สะเก็ดดาว มีพละพลังสูงส่ง หากท่านที่สามารถจับพลังได้ทดลองจับดูจะรู้สึกร้อนมือ หรือมีบางอย่างกระตุ้นที่ฝ่ามือ หรือ ชาๆ ที่มือ สะเก็ดดาว หรือ Tektite มาจากคำว่า Tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย ชื่อนี้ถูกขนานนามโดย SUESS เมื่อปี ค.ศ 1900 ท่านผู้นี้เชื่อว่าสะเก็ดดาวเป็นแร่ชนิดหนึ่ง มาจากนอกโลกหรือต่างพิภพ บางท่านเชื่อว่ามาจากดวงจันทร์ รูปลักษณ์สัณฐาน ไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลวงรูปไข่ยาวแบน แต่ที่แน่ ๆ คือที่ผิวของสะเก็ดดาวจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ ทั้งนี้เนื่องจากซิลิกา (Silica) หลอมละลายเป็นแก้วเมื่อเสียดสีกับบรรยากาศ มีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 2 นิ้ว ที่พบเสมอ ๆ คือขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีดำ น้ำตาล หรือสีเขียว มักพบจมดินอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

คุณสมบัติของสะเก็ดดาวเป็นแหล่งของศิลปศาสตร์ความรอบรู้และพลัง กระตุ้นเตือนจิตสำนึกก่อให้เกิดความจดจำอันแม่นยำ ลึกซึ้ง จึงควรใช้ขณะปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น ขณะทำสมาธิจิต การพกพาไว้กับตัวก่อให้เกิดสนามพลังแก่ออร่ารอบตัว ทำให้ออร่าเข้มเข็ง มั่นคง ปกป้องคุ้มครอง และขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ (วิญญาณแฝงหรือพลังแฝง)


นำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 6 ขณะทำสมาธิจิต หรือสรรสร้างพลังตาทิพย์ เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมแห่งธรรมชาติ เกิดความรู้ความคิดสร้างสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เหมาะกับนักออกแบบ ศิลปิน นักแสดง นักดนตรี นักศึกษาหาความรู้ ถ้าวางไว้ที่จักระ 4 หรือทำเป็นจี้ห้อยคอ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติต่าง ๆ ของจิตใจ ผู้ที่มีความรู้สึกหมดหวัง หมดอาลัยในชีวิต ถ้านำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 5 ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกล หรือติดต่อกับวิญญาณที่อยู่ต่างมิติ ( Telepathic Communication )


การใช้สะเก็ดดาวร่วมกันกับพลอยชนิดอื่น ๆใช้สะเก็ดดาวร่วมกับ พลอยสีม่วง จะช่วยเพิ่มพลังแก่จักระที่ 6 และ 7 เกิดการหยั่งรู้ ( Intuition ) ต่อเชื่อมกับผู้รู้และเทพเบื้องบน ใช้ร่วมกับ Rose Quartz ที่จักระ 4 ก่อให้เกิดพลังแห่งความเมตตา เหมาะแก่ผู้ที่มีอารมณ์กร้าวร้าว ดุดัน โหดร้าย เห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ใช้ร่วมกับพลอย Lapis Lazuli ก่อให้เกิดพละพลังแห่งความนึกคิดทั้งหลาย มีความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบดีขึ้น ใช้ร่วมกับ Citrine ก่อให้เกิดความนึกคิดแห่งการสรรสร้าง วางไว้ที่จักระ 6 เกิดญาณหยั่งรู้ เหมาะแก่ครูอาจารย์ และผู้ศึกษาหาความรู้

ตามความเชื่อ
เชื่อว่ามีเทพคุ้มครองจึงไม่แนะนำให้นำไปแกะสลักโดยไม่เชิญดวงวิญญาณออกก่อน เมื่อแกะสลักแล้วจึงค่อยเชิญดวงวิญญาณเข้าไปใหม่

- เชื่อกันว่ามีสรรคุณน้องๆเหล็กไหล แต่หาคนใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ได้น้อย
- เด่นทางด้านโชคลาภ ค้าขายจึงเรียกว่า แก้วข้าว ในทางเหนือนิยมเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง
จะทำให้พืชพันธ์ให้ผลผลิตสูง

- เป็นนายแห่งอัญญมณีทั้งปวงช่วยขจัดพลังอัญมณีให้โทษ และเสริมฤทธิ์อัญมณีมีคุณทั้งปวง
การเรียกชื่อสะเก็ดดาว ตามที่ต่างๆในโลก
การเรียกขื่อสะเก็ดดาวตามที่ต่างๆ ในโลกล้านไม่เหมือนกันแต่ความหมายคือสิ่งเดียวกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดมาจากหลายภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร
หินสะเก็ดาว Tektite มีทั่วไป ที่นอร์ทอเมริกา ออสเตรเลีย อาฟริกา และตะวันออกไกล พบมากที่ จีน ฟิลิปปินส์ มีประวัติเป็นมายาวนานถึง 2000 ปี ตามทีค้นพบจากที่ต่าง ๆ ทั่วโลก

จีน จะเรียกว่า หินหมึกของเทพเจ้าสายฟ้า Inkstone of the Thundergod
พระทิเบต นับถือบูชาหินนี้ เรียกว่า Stone of Shambhala (Jambhala)พระจัมพลา ทิเบตถือว่า เป็นพระแห่งโชคลาภความมั่งมี ถ้าจำไม่ผิดชาวไทยเรียกท่านว่าท้าวกุเวร
อินเดีย เรียก มณีพระกฤษณะเจ้า Sacred gem of Krishna หรือ agni mani อัคนีมณี

พวกชนพื้นเมืองในออสเตรเลีย เรียก Maban "magic" อันนี้คงไม่ต้องแปล

ประเทศไทย อันนี้ก็แปลก แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งในไทยเชื่อว่ามีความผูกพันกับสะเก็ดดาวมานมนานแล้ว เพราะมีเยอะครับ ซึ่งแต่ละภาคก็เรียกไม่เหมือนกัน ซึ่งผมเองก็เคยถามคนแถบนั้น บางที่เราเอาตัวอย่างสะเก็ดดาวไปให้เขาดู เขาก็เข้าใจแล้ว ซึ่งผมจะขอสรุปได้ดังนี้
แถบอีสาน เรียก หินจันทรฆาต หินสะเก็ดดาว สะเก็ดดาว และหินดำ
แถบภาคเหนือ เรียก แก้วข้าว
แถบภาคกลาง เรียก อุลกมณี อุกามณี สะเก็ดดาว หินดาวตก
ภาคตะวันตก เรียก คดปลวก อุลกมณี