วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

53: ปริศนาธรรม

ดร:นนต์: วันนี้, 10:25 AM #5046

ผมขอคัดลอกข้อความบางส่วนจากเว็บไซต์ somdejto.com http://www.somdejto.com/ และต้องขอบพระคุณเจ้าของเว็บไซต์สมเด็จโตดอทคอมเป็นอย่างสูงนะครับ การนำมาเผยแพร่ในกระทู้นี้ก็เพื่อประโยชน์และความกระจ่างบางอย่าง ที่กำลังทยอยเปิดเผยขึ้นในช่วงกึ่งกลางพระพุทธศาสนานี้

ข้อความต่อไปนี้ เกี่ยวกับประวัติและปริศนาบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่พวกเราเคารพศรัทธายิ่ง และบางส่วนกำลังเปิดเผยขึ้นหลังจากเหล่านักรบธรรมได้พบกับพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ก็ขอให้คอยติดตามไปเรื่อยๆนะครับ
ดร.นนต์
..............................................................................
จากวัตถุมงคล พระเครื่องที่พระองค์ท่านทรงสร้างไว้ และทรงทรงจารไว้ว่า...

อักขระต่างๆ มีความหมายดังนี้ :-
 
หมายถึง ธาตุดิน
 
หมายถึง ธาตุน้ำ
หมายถึง ธาตุลม
 
หมายถึง ธาตุไฟ
อักขระทั้งสี่นี้คือ หัวใจพระพุทธศาสนา
ตัวเลขที่ปรากฏอาทิเช่น ๔๕๕, ๙๙๙, ๙๙, และ ๙ มีความหมายดังนี้ :-
หมายถึง ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยมา ๔ พระชาติ และเสด็จสวรรคตเมื่อพระชนมายุ ๕๕ พรรษาในทุกพระชาตินั้น
 
หมายถึง จำนวนพระชาติที่ได้ทรงบำเพ็ญพระมหาบารมีพร้อมด้วยไตรทวาร (กาย, วาจา, ใจ) เป็นพระมหาโพธิสัตว์ ในระหว่างทรงบำเพ็ญพระมหาบารมี ๓๐ ทัศน์ ได้ทรงบรรพชา คือ บวชเป็นพระโดยตลอดทุกพระชาติ และอยู่ในเมืองไทยมาตลอดระยะเวลา ๓๒ อสงไขย
 
หมายถึง ในระหว่างทรงบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศน์นั้น ทรงพระนามว่า “โต” ติดต่อกันมาเป็นเวลาถึง ๙๙ พระชาติ
 
หมายถึง พระชาติที่ได้มาประสูติหลังจากทรงบำเพ็ญพระมหาบารมีมาครบ ๓๐ ทัศน์แล้ว ๙ พระชาติ และพระชาติสุดท้ายทรงพระนามว่า “โต” (สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ดังนี้:-
พระชาติที่ ๑ เป็นพระอชิตะ (ได้รับการทำนายว่าคือพระศรีอาริยเมตไตรยจากพระพุทธองค์) ในประเทศอินเดีย
พระชาติที่ ๒ เป็นพระย่ามใหญ่ (ย่ามผ้า) ในประเทศจีน
พระชาติที่ ๓ เป็นพระมหากษัตริย์ ต้นราชวงศ์ถัง ในประเทศจีน
พระชาติที่ ๔ เป็นพระถังซำจั๋ง (ผู้อาราธนาพระไตรปิฎก) ในประเทศจีน
พระชาติที่ ๕ เป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (สร้างเมืองไทย) ในประเทศไทย
พระชาติที่ ๖ เป็นสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (จัดระบบการปกครอง) ในประเทศไทย
พระชาติที่ ๗ เป็นสมเด็จพระมหาธรรมราชา (ทรงใช้ปัญญาบารมี) ในประเทศไทย
พระชาติที่ ๘ เป็นสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (สร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศ) ในประเทศไทย
พระชาติที่ ๙ เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี (เจริญพระพุทธศาสนา) ในประเทศไทย
หมายถึง รวมดวงจิตเป็น ๑ ไม่เป็น ๒ (ไม่แตกแยก)
"โต" เป็น ๑ เสมอ ไม่เป็น ๒ รองใคร
จากเรื่องราวทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้จัดเสนอมานั้น ก็เพราะข้าพเจ้าได้ตระหนักในพระมหาบารมีของพระองค์ท่านได้ใช้พระมหาบารมีของพระองค์ท่าน ในการดำเนินชีวิตมาตลอดระยะเวลากว่า ๓๖ ปี ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ แล้วจึงได้นำเสนอ ให้ท่านผู้มีจิตเลื่อมใสศรัทธารับทราบเพิ่มเติม ได้กราบไหว้บูชาพระองค์ท่านได้ถูกต้อง มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความเชื่อมั่น ความศรัทธา จะได้เพิ่มพูนสติปัญญา และแบ่งภาระของผู้ที่กำลังศึกษาพระราชประวัติของพระองค์ท่านอยู่ อีกประการหนึ่งเพื่อเป็นการ ยับยั้งความคิด และให้สติ แก่บุคคลบางคน (เท่าที่ข้าพเจ้าได้พบมา) ที่จะเขียนพระราชประวัติของพระองค์ท่านอยู่ ตลอดจนวิธีการติดต่อกับพระองค์ท่านในแนวต่างๆ และบางท่านเข้าใจว่า พระองค์ท่านเป็นพรหมบ้าง เป็นท้าวมหาพรหมบ้าง (เพราะใช้พระฉายานามว่า พรหมรังสี) บ้างก็ว่า เป็นพระอรหันต์ได้เข้าพระนิพพานไปแล้วบ้าง บ้างก็ว่า ถูกทำโทษ ถูกกักบริเวณบ้าง ฯลฯ จะได้พิจารณาศึกษาให้มากขึ้น และใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เพื่อประโยชน์สุขแก่ตัวท่านเอง ท่านผู้อ่าน ท่านผู้ปฏิบัติทั่วไป จะได้กระทำได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และใช้เวลาอันพอสมควรไม่มากจนเกินไปนัก และที่สำคัญจะได้เข้าถึงพระองค์ท่านมากยิ่งขึ้น...!

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

52: พระพิมพ์ปิดตาวังหน้า

ภาพตัวอย่าง:การลงรัก-ปิดทอง,หน้า-หลัง
มาตรฐานพระพิมพ์วังหน้าพิมพ์ปิดตาคล้ายของหลวงปู่เอี่ยม (ปฐมนาม)
 

ภาพตัวอย่าง:การลงรัก-ปิดทอง,หน้า-หลัง
มาตรฐานพระพิมพ์วังหน้าพิมพ์ปิดตาคล้ายของหลวงปู่แก้ว (สุข-วัดเครือวัลย์)
 

ปล:
- ทั้งหลวงปู่เอี่ยม,หลวงปู่แก้ว ต่างได้รับอาราธนานิมนต์เข้าวังหน้า เพื่ออธิษฐานจิตพระพิมพ์วังหน้า

- มวลสารเหมือนพระพิมพ์สมเด็จ

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

51: แรกพบประคำเหล็กไหลไพลดำ 2407


IT Man:27-08-2011, 09:37 PM #4192

ประมาณ 11 โมง ผมเดินทางเข้าไปรับพัสดุที่ไปรษณีย์ พอแจ้งรายละเอียด แล้วมานั่งรอ ก็เกือบปล่อยน้ำตาออกมา เพราะรู้สึกปีติที่จะได้พบของสำคัญๆ ดุจญาติสนิทที่ไม่ได้พบกันนาน ได้รับพัสดุ ก็บึ่งรถไปแวะที่ร้านมือถือที่เปิดในตัวเมือง บรรจงแกะออกมา จากนั้นก็เริ่มขอขมา สวดมนต์อัญเชิญท่าน แล้วก็พินิจพิเคราะห์ดู โอว...นี่เหมือนกับเคยเห็น เคยสัมผัสมาก่อน...แปลกจัง
ชื่นชมไม่ทันไร น้องท่านหนึ่งอีก office โทรศัพท์มาบอกว่า ขอพบผมที่บ้านผม ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับแม่สะเรียง เพื่อร่วมทำบุญและปรึกษาเรื่องสำคัญต่างๆ

พอผมมาถึงบ้าน ก็มอบประคำฯและบ่วงนาคบาศให้น้องเขาขอพรก่อนเลย จากนั้นก็ให้เข้าไปไหว้พระ ขอพรพระพิฆเนศ พอไหว้พระเสร็จก็ให้น้องเขาเลือกหยิบพระอะไรก็ได้ในกล่อง...น้องออกมาจากห้องพระ ก็เลยมาทำบุญด้วย 1,000 บาท ผมก็เลยขอดูพระที่เขาเลือก ปรากฏว่าเป็นพระพิมพ์ปัญจสิริสีฟ้า รูปเหมือนท่านท้าวมหาพรหมชินะปัญจะระ สวยมากๆ ผมเองก็พึ่งรู้ เพราะห่อไว้อย่างดี

พอน้องลากลับไปสักครึ่งชั่วโมง ฝนก็ได้ตกมาอย่างหนัก ทั้งๆที่แดดเปรี้ยง ผมก็เลยถือโอกาสนำวัตถุมงคลทั้งหมดไปล้างน้ำฝน และสรงน้ำทิพย์อีกรอบ - ฝนหยุดเวลาที่สรงน้ำทิพย์ (ที่กล่าวนี้ อาจจะเกี่ยวข้องกับการเสด็จมาของประคำ,บ่วงนาคบาศก็เป็นได้)

จากนั้นผมก็เริ่มทำพิธีอัญเชิญท่านอีกรอบ และอัญเชิญประคำฯใส่ข้อมือขวา ระหว่างที่ใส่ ก็ดูเหมือนจะมีคลื่นเบาๆ ส่งจากข้อมือขวาขึ้นมาในร่างกายเรื่อยๆ (อาจจะรู้สึกไปเองก็ได้...เพราะพึ่งเคยสวม)
สำหรับการเข้าสมาธิ เป็นตามนั้น...คือ เข้าเร็ว สงบเร็ว ไม่ค่อยอยากออกครับ


 
ภาพล่าสุด...
ผมขออนุญาตท่านจัดการแปลงร่างเป็นประคำข้อมือ/ประคำคอแบบสั้นๆเหมือนเจ้าชายอียิป...เรียบร้อยแล้วครับ

ปล: ผมใช้ net - speed ต่ำ จึงไม่สามารถขยายขนาดให้เต็มจอได้


Link ที่เกี่ยวข้อง...องค์ธรรมะเสนาภักดี , องค์ปัญจระธรรม

IT Man: 28-08-2011, 08:35 AM  #4200 ประสบการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกัน...

เช้านี้ตื่นราวๆตี 4:20 เริ่มทำวัตร 04:30-05:20 ... พักผ่อนอริยาบท

เข้าสมาธิตี 5:24-05:55 : ระหว่างการนั่ง ได้นิมิตเห็นตัวเองในอดีตเป็นพระธุดงค์ นั่งสมาธิในเชิงเขาแห่งหนึ่ง ใกล้วัดเก่าๆอยู่ระหว่างชายแดนไทย-พม่า จำได้เลยว่า ณ ที่แห่งนี้ ตัวเราในภพปัจจุบัน(เมื่อปีที่แล้ว) ก็เคยไปนั่งสมาธิอยู่บ่อยๆ...ทำให้เกิดอาการปีติ น้ำตาไหล ร้องไห้ฟูมฟายกายสั่นไปได้สักพัก

จากนั้นสัก 5 นาที...กายก็ตั้งตรง นิ่งสงบ ปรากฏเหมือนมีลมเข้า-ออก ณ กลางกระหม่อม พลอยให้นึกถึงคุณพ่อ ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ ลมก็ออกมาทางนี้เหมือนกัน...นึกย้อนมาหาตัวเองตอนเป็นพระธุดงค์ในอดีตนั่นอีกครั้ง คราวนี้ไม่เกิดอาการปีติ แต่กลับเกิดอาการนิ่งเฉยทั้งกายและใจ...ไร้ซึ่งอารมณ์

ก่อนออกจากสมาธิ ก็ต้องขึ้นไปกราบพ่อแม่ครูอาจารย์สักหน่อย ครานี้ไปยากแฮะ เพราะต้องฝ่าด่านก้อนเมฆ เขาสูง ทะเลสาบ นาน...ประมาณ 3 นาทีจึงขึ้นไปกราบท่านได้ ท่านยังนั่งยิ้ม...รอดูพวกเราอยู่เช่นเดิมครับ

พุทโธ เม นาโถ , ธัมโม เม นาโถ , สังโฆ เม นาโถ
กราบ กราบ กราบ

ผมเริ่มเข้าใจบางอย่างในพระธุดงค์อีกอย่างแล้วว่า...ทำไมท่านต้องไปธุดงค์ในป่าลึก ไกลผู้คน ก็เนื่องหากเกิดอาการปีติเนืองๆเช่นผมนี้
ถ้าชาวบ้านมาเห็น คงตกใจนึกว่าผีบ้า ทำไมอยู่ๆก็ร้องไห้เอาๆ โอนี่หล่ะหนอ ผู้ยังไม่รู้ ยังไม่เห็นอะไรข้างใน เห็นพระท่านร้องไห้ กลับคิดว่าบ้าเสียนี่

โมทนาสาธุบุญที่ท่านทั้งหลายทำทุกประการ
จงเจริญในธรรม มีกำลังใจในการทำ...ตลอดทั่วทุกคนเทอญฯ


ดร.นนต์ 28-08-2011, 10:18 AM  #4205

อนุโมทนากับท่านสมบัติ ผู้เข้าถึงแล้ว ไม่ว่าระดับใดๆ ย่อมเข้าใจว่า มันก็เป็นเช่นนั่นแล กาลามสูตรดั่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้นั้น เที่ยงแท้แน่นอน ผู้ใดถึง ผู้นั้นเห็นเองรู้เอง

อาการปีติเป็นของธรรมดาสำหรับมนุษย์ ทุกคนก็เกิดอาการปีติได้ แต่อาการปีติของนักปฏิบัตินั้นต่างจากปุถุชนและสามัญชน อาการปีติในนิมิตของนักปฏิบัตินั้น จึงเหนือความปีติของสามัญชน (สามัญชนผู้ยินดีในความสุขที่ได้รับในสิ่งตนเองปรารถนา) แต่ความปีติที่เกิดจากนิมิตนั้น เป็นอาการปีติในธรรมที่ค้นเจอด้วยญาณสมาบัติ ความปีติที่สูงขึ้นไปสู่ความเป็นอริยบุคคลนั้น จะเกิดจากการพิจารณากายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม จนเกิดปัญญาญาณและเข้าใจชัดแจ้งในกฎอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เมื่อแจ่มแจ้งแล้ว ความปีติยินดีจะโน้มไปสู่การระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พ่อแม่ครูอาจารย์ ย่อมหลั่งไหลออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดจะพรรณา ความปีติเช่นนี้ เกิดเอง เป็นเอง ไม่ได้เติมแต่งแม้แต่น้อย กลั้นเอาไว้ก็ไม่อยู่ เมื่อปีติด้วยเวลาอันควร เราก็สามารถตัดอาการปีตินั้นลงได้ในชั่วเวลาแค่แพล็บเดียว เข้าไปนอนนิ่งในอุเบกขา ไม่ชื่นชม ไม่ยินดีอีกต่อไป เพราะรู้แล้ว จึงไม่ยึดติด นั่นก็คือ เข้าสู่สภาวะการละวางได้นั่นเอง.....

ท่านสมบัติกำลังเข้าสู่กระแสมรรค... อุเบกขาที่สามารถตัดความปีติได้นั้น ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว...ขออนุโมทนาสาธุด้วยนะครับ

พุทธประเพณีของผู้ปรารถนา...ติดตามองค์พุทธะ ย่อมลาไม่ได้เช่นเดียวกับองค์นิยตโพธิสัตว์เจ้า... แต่การบรรลุธรรมย่อมเป็นไปได้โดยง่าย แต่ไม่สามารถตัดเข้าพระนิพพานได้เช่นเดียวกันกับองค์นิยตโพธิสัตว์เจ้า จึงต้องรอพระองค์ท่านได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อน จึงจะสามารถเข้าสู่อรหันตผลได้... และผู้ติดตามองค์พุทธะจะเสด็จลงมาพร้อมกับองค์นิยตโพธิสัตว์เจ้าทุกครั้ง แต่ไม่บ่อยครั้งนัก เนื่องจากบารมีนั้นเต็มแล้ว(ปรมัตถบารมี) เพียงแต่รอคิวตามองค์พุทธะนั่นเอง ความกระจ่างของแต่ละบุคคลจะค่อยๆปรากฏขึ้น... เรื่องเหนือโลกมันเกินวิสัยของมนุษย์ทั่วไปครับ...

แล้วจะเข้าใจว่า ทำไมบุรุษผู้หนึ่งถึงต้องทิ้งพระนิพพานมาสามครั้งแล้ว....

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์


ติดตามอ่านใน .... 15: แสงธรรมพระธุดงค์ นิมิตแห่งแสง

............................................................................................................................................


สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ของหลวงปู่โต พรหมรังสี
ผศ.ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล
29 กันยายน 2554

สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ที่อัญเชิญเสด็จมาทางอากาศและอธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) โดยได้อัญเชิญจากบริเวณข้างวัดระฆัง ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าใกล้กับท่าน้ำวัดระฆัง (บริเวณใกล้โรงเรียนสตรีวัดระฆัง) การอัญเชิญและการสร้างเกิดขึ้นในวาระแรกปี 2407 ซึ่งทั้งหมดมีสามครั้ง(รุ่น) มีจำนวนไม่มาก ผมบังเอิญมีครบทั้งสามรุ่น ข้อแตกต่างให้สังเกตที่ความเก่าของทองคำและการเคลือบผิว และต้องสอบถามจากพระเบื้องบน จึงจะทราบได้ ผมอธิษฐานจิตทูลถามพระเบื้องบนได้รับรู้ตรงกันกับ ดร.ณัฐชัย เลิศรัตนพล คือ รุ่น 1 สร้างแค่ 32 เส้น เป็นเส้นเล็กทั้งหมด  รุ่น 2 มี 50 เส้น(เล็ก)..... รุ่น 3 มีทั้งเส้นเล็กเส้นใหญ่ มีจำนวน........ และยังมีอีกในปี 2408 จำนวนหนึ่ง และในปี 2409 (ได้นำเหล็กไหลไปทำเป็นลูกกริ่งในองค์พระพิมพ์และพระกริ่งจำนวนหนึ่ง) ใครโชคดีและเชื่อว่าจริงก็ยังพอมีโอกาสจะได้รับ (เหลืออยู่ตามท้องตลาดอีกเล็กน้อย) เพราะเกือบทั้งหมดได้ตกอยู่ในการครอบครองของผู้สร้างในอดีตสองท่าน (จำนวนเท่าๆกัน) และบางส่วนได้แจกจ่ายกระจายไปอยู่กับเหล่านักรบธรรม (ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลวงปู่โต เจ้าคุณกรมท่า และราชนิกุลในอดีต)

สร้อยประคำที่อยู่ในการครอบครองของทั้งสองท่าน ถูกกำหนดให้นำมาประมูลเพื่อหารายได้สร้างวัดภูดานไห และพระธาตุเกศแก้วเกศาธรรม ที่จะบังเกิดขึ้นในอนาคต ณ ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ และผู้จะมาอัญเชิญหรือประมูลในอนาคต ส่วนหนึ่งจะมาจากต่างประเทศ เรื่องนี้เป็นปัตจัตตังสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ส่วนผู้ที่ไม่สามารถสัมผัสถึงมิติเหนือโลกได้ ก็ขอให้วางเฉยเสีย เพื่อจะได้ไม่เกิดความทุกข์ตามมานะครับ

ข้อสังเกต สำหรับผู้ที่สามารถสัมผัสพลังได้ก็คือ เมื่อท่านเห็นสร้อยประคำแล้วให้ลองนำมาสวมคอแล้วโน้มจิตอธิษฐานขอบารมีพระเบื้องบนตั้งแต่ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์เจ้า และครูอาจารย์สืบต่อกันมาทุกๆพระองค์ ได้โปรดสงเคราะห์ให้ข้าพระพุทธเจ้าได้สัมผัสพลังพลานุภาพที่อยู่ในสร้อยประคำเส้นนี้ หากเป็นสร้อยประคำแท้ที่อธิษฐานจิตโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าสามารถสัมผัสพลังได้ด้วยเถิด..... หลังจากนั้นให้สังเกตอาการถ้าเป็นของแท้จะมีอาการดังต่อไปนี้

1. มีพลังหนักหน่วงลงมาทางกระหม่อมด้านบนศรีษะ
2. หนังตาและผิวหน้าเริ่มตรึง หนังตาถูกดึงให้เข้าสมาธิ
3. มีพลังหนักหน่วงที่ต้นคอ หัวไหล่ทั้งสองข้าง แน่นหน้าอก
4. หากผู้ใดสามารถปรับธาตุขันธ์ของตัวเองได้ สุดท้ายพลังจะเย็นแผ่ซ่านไปทั้งตัว
สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ปี 2407 วาระ 1 วาระ 2 และวาระ 3 มีความแตกต่างกันเล็กน้อย วาระ 1 มี 32 เส้น วาระ 2 มีทั้งหมด 50 เส้น วาระ 3 มีจำนวน....เส้น มีทั้งเส้นใหญ่และเส้นเล็ก ลองชมอีกครั้ง

ปล. ยังพอมีเหลืออยู่ในท้องตลาดอีกเล็กน้อย ขอให้โชคดีนะครับ

 
   

สมบัติของ ผศ.ดร.ณัฐนนต์ สิปปภากุล
............................................................................................................................................



สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ของคุณสมบัติ เพ็งพล สรงน้ำและใช้คู่กันกับพระสมเด็จวัดระฆัง เนื้อผงใบลาน เข้ากันดีทั้งพลานุภาพแบบไร้ขีดจำกัด และความสวยงามลงตัว ขออนุโมทนากับผู้ครอบครองครับ
............................................................................................................................................
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nontayan อ่านข้อความ
Date: Mon, 19 Sep 2011 12:54:28 +0800
Subject: ส่งภาพสายประคำเหล็กไหลไพรดำมาให้ท่านพิจารณาครับ
From: 
noppadon.wannalaeasd@gmail.com

เรียน ท่าน ดร.ณัฐนนต์ ที่นับถือ ผมส่งสร้อยประคำให้ท่านพิจารณา ได้มาจากแรงอธิษฐานและสวดมนต์น่ะครับ
มีสองเส้น และขอท่านอนุโมทนา ตั้งชื่อสายประคำทั้งสองเส้นนี้ให้ผมด้วยครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
 
.....................................................................................
เมื่อ 19 กันยายน 2554, 13:49, natdhnond sippaphakul <sippaphakul@hotmail.com> เขียนว่า: 
เรียนท่านนพดล
แท้ครับ
เส้นแรกสร้อยประคำแก้ว ถวายนามว่า "องค์ธรรมบารมีนพเก้า"
สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ ถวายนามว่า "องค์สายใยอธิษฐาน"
เบื้องบนท่านโปรดชื่อนี้มาก โดยเฉพาะสร้อยเล็กไหล จึงขออนุโมทนาด้วยครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์ 





ขอขอบพระคุณท่านมากครับ
สาธุ สาธุ สาธุ
นพดล
 
สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำและสร้อยแก้วทวารวดีที่อธิษฐานจิตโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่เสด็จไปโปรดท่านนพดล (ผู้ช่วย ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งที่อุตรดิตถ์) ถึงภาคเหนือ ตามแรงจิตอธิษฐานประมาณสองอาทิตย์ นั่นจึงแสดงให้เห็นว่า ผู้ทีศรัทธาต่อองค์หลวงปู่โตและเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และยังเป็นสายเดียวกัน ท่านย่อมได้รับสิ่งที่เป็นมงคลสูงสุดเช่นนี้ การรับรู้ส่วนตัวจะช่วยยืนยันคำกล่าวของผมได้เป็นอย่างดี จึงขออนุโมทนากับท่านด้วยนะครับ

ปล. ท่านนพดลได้ติดตามอ่านเว็บบอร์ดของพวกเรามาตลอด หากท่านจะเปิดเผยตัวออกมาร่วมกับพวกเราก็ยินดีนะครับ อนึ่งผมพึ่งทราบว่า ท่านก็เป็นศิษย์หลวงพ่อกัณหาอีกคน จึงขออนุโมทนาอีกครั้งครับ

ดร.นนต์
 

50: เปิดตัว...เบี้ยแก้สมเด็จโต

ดร.นนต์: 27-08-2011, 10:48 AM #4177
120. เบี้ยแก้สมเด็จโตเบี้ยแก้ มี ไว้ป้องกันสรรพอันตรายต่าง ๆ ป้องกันและแก้การกระทำทางคุณไสย ตลอดจน ยาสั่ง และไข้ป่า เป็นอิทธิวัตถุที่มีลักษณะท้าทายอย่างเปิดเผยต่อการ ปล่อยคุณไสย และการกระทำย่ำยีในฝ่ายกาฬไสย

--- วิธีการสร้างเบี้ยแก้ ที่นิยมแล้วรู้จักกัน คือ การบรรจุปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ยจั่น
--- แต่เบี้ยแก้ ของปู่โต (สมเด็จพุฒจารย์โต วัดระฆัง) มีรุ่นหนึ่งที่พิเศษไม่เหมือนใคร และไม่น่าจะมีใครเหมือน คือ บรรจุเหล็กไหลที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปในตัวเบี้ยจั่น
--- พุทธคุณและความแรง ปรอทหรือ จะมาเทียบชั้นกับ เหล็กไหล ได้

หนึ่งในของดีที่ปู่โตสร้าง แนะนำให้มีไว้ประจำตัวครับ

เขียนโดย Dr.Natachai Lerdrattanapol ที่ 23:01:00 

เบี้ยแก้ของหลวงปู่โตที่ท่านเสด็จมาโปรดผม และภรรยาของผมเธอปลื้มมากเป็นพิเศษ อิทธิคุณเหนือเบี้ยแก้ทั้งหลาย เอ้าค้นหากันเอาเองนะครับ ผู้ปฏิบัติยังไม่กล้าแข็งควรหาติดตัวเอาไว้ ผู้ที่คอยลองของมีมากเหลือเกินครับ
 


49: รวมพระบูชาชุดใหญ่

ดร.นนต์ : 26-08-2011, 09:08 PM  #4161

พระพุทธรูปประดับพระบรมสารีริกธาตุและพลอย สร้างถวายโดยกลุ่มวังหน้า สมเด็จโตอธิษฐานจิต
 
 

บาตรน้ำมนต์อธิษฐานจิตโดยหลวงปู่โต รูปหล่อหลวงปู่โตประดับพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน และพระพุทธรูปประจำวันเกิดที่เสด็จมาพร้อมกันเป็นชุดๆ พร้อมสร้อยประคำหลวงปู่โต สร้างถวายโดยเจ้ากรมท่า


ข้อความของ ดร.นนต์
รูปหล่อหลวงปู่โต ประดับด้วยพระบรมสารีริกธาตุและพลอย กลุ่มวังหน้าสร้างถวาย หลวงปู่โตอธิษฐานจิตในวาระปี 2411 ใต้ฐานมีพระบรมสารีริกธาติและลูกแก้วที่เกิดจากน้ำประสานอิทธิฤทธิ์(การแปรธาตุด้วยฤทธิ์) ลองชมดูนะครับ
 
  

48: TOP3-4+พระพุทธปฐวีธาตุ

 
พระพุทธปฐวีธาตุ (ซ้าย),TOP3-4 (กลาง),พระผงสุพรรณ (ขวา-ชาร์ตพลังใหม่)

- ปกติจะเดี่ยวๆก็เกินกำลัง...พึ่งหาองค์คู่มา balance กันได้ครับ
- พลัง พระพุทธปฐวีธาตุ เดิมๆ = ไร้ขีดจำกัด
- พลัง TOP4 เดิมๆ = 62.5x+อีกหลายก๊อกที่ล็อกไว้ ปัจจุบันไร้ขีดจำกัด*
- พลัง TOP3 เดิมๆ = 27x+อีกหลายก๊อกที่ล็อกไว้ ปัจจุบันไร้ขีดจำกัด*
- พลังพระผงสุพรรณเดิมๆ ประมาณ 0.9x หลังชาร์ต = 150x (โดย...ท่าน พ.สุรเตโช) ปัจจุบันไร้ขีดจำกัด*

*ปัจจุบันไร้ขีดจำกัด เพราะ...Link 06: พุทโธอัปปมาโณ 1

47: เปิดตัว...พระสมเด็จโตเนื้อเหล็กไหล

พระสมเด็จโตเนื้อเหล็กไหลสีดำ ด้านหลังน่าจะเป็นพระนารายณ์ สวยงาม
(พลังพื้นฐาน 150x/IT Man:21 ก.ย. 2554)

เหรียญหลวงปู่โต ด้านหลังน่าจะเป็นพระนารายณ์ เนื้อตะกั่วถ้ำชาผสมเหล็กไหล องคนี้เจ้าคุณกรมท่าเป็นผู้สร้างถวาย อธิษฐานจิตโดยเจ้าคุณสมเด็จโต คณะหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร และองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาร่วมในพิธีอธิษฐานจิต ในวาระงานใหญ่ 2411 พลังพุทธานุภาพ 35 เท่าของพระสมเด็จทั่วไปครับ พลังครอบจักรวาล ใครเจอที่ไหนอย่าให้หลุดมือไปนะครับ หายากมากๆๆๆๆๆๆๆ



46: เปิดตัว...ประคำหยกประคำม้วน

วันนี้หลังจากพบกับคุณสาวกธรรม1 ที่สนามพระแล้ว บังเอิญได้แวะดูของร้านหนึ่งเห็นเส้นประคำหยกของหลวงปู่โต (ตามจิตที่ภรรยาอยากได้เหมือนของท่านสมบัติ) และประคำสมเด็จม้วน เนื้อผงสมเด็จ ของหลวงปู่โตมาด้วยอย่างละ 1 เส้น นับว่าผมได้ทำตามความปรารถนาของเธอแล้ว ก็ลองชมดูนะครับ คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมนะครับ