วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

67: เหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์

พูดถึงเหล็กไหลแล้วทำให้หวลคำนึงถึงวันวานในอดีต: ก็ไม่คิดว่าวาสนาบารมีของตัวเองจักได้พานพบของจริงกับเขา ทั้งๆที่พระพิมพ์หรือเครื่องรางสายวังชุดที่สำคัญๆ ท่านมักประจุเหล็กไหลไว้แทบทั้งสิ้น
ทำไมถึงอยากจะพูดถึงเหล็กไหลขึ้นมาเล่า ก็เนื่องด้วยประสบการณ์ด้านการอัญเชิญเหล็กไหลนั้น ช่างชัดเจน แตกต่างจากการไม่อัญเชิญยิ่งนัก คือมีพลังการดึงดูดสิ่งดีๆทั้งมวล (ปัจจุบันอัญเชิญบ่วงนาคบาศสายวัง) จึงขอยกตัวอย่างพอสังเขปดังนี้
...........................................................................................
1. หากพูดถึงพระเหล็กไหลในยุคปัจจุบันที่พอจะหามาครอบครองกันได้ ก็ต้องยกให้เหล็กไหลของหลวงปู่หวล วัดพุทไธสวรรค์ และอาจารย์เสือ ศิษย์หลวงพ่อเดิม นครสวรรค์ องค์ล่างนี้เป็นปางลีลา ได้มาครั้งแรกโดยการมอบให้จากคุณอ๊อด-คงภัค 
พระท่านมีครบทั้ง 3 สี: สีเงินยวง สีทองท้องปลาไหล และสีเขียวปีกแมลงทับ
 

...........................................................................................
2. เม็ดกริ่งในพระกริ่งองค์ต้นญาน ยุครัชกาลที่ 3 สร้างปี 2382
 
...........................................................................................
3. เม็ดกริ่งในพระกริ่งปวเรศ องค์นี้สร้างวาระ 2411

...........................................................................................
 
...........................................................................................
5. เหรียญหล่อสมเด็จโต ด้านหลังพระนารายณ์
 
...........................................................................................
6. สร้อยประคำเหล็กไหลไพลดำ

...........................................................................................
7. บ่วงนาคบาศสายวัง ที่หล่อผสมเหล็กไหล ฝีมือช่างสิบหมู่กลุ่มเดียวกับที่สร้างพระกริ่งปวเรศ พิมพ์สมบูรณ์พูนสุข

...........................................................................................
ถ่ายภาพไว้ก่อนแกะกรอบไปเลี่ยมใหม่ครับ
1. รูปหล่อแกะบ่วงนาคบาศสายวังฯ 
เนื้อโลหะธาตุกายสิทธิ์: ชิ้นเดียวเที่ยวทั่วไทย
2. เหรียญหลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จโต ด้านหลังพระนารายณ์ 
เนื้อตะกั่วผสมธาตุกายสิทธิ์/ลงชาด-รัก-ปิดทอง: อิทธิคุณเหลือล้น
หลักคัมภีร์ตรีมูรติ เกิดขึ้นเมื่อประมาณ พุทธศักราช 800 โดยพราหมณ์ได้แบ่งหน้าที่ ให้ดังนี้
1.พระพรหม เป็นเทพผู้สร้าง คือสิ่งสมบูรณ์สูงสุด ควบคุมทุกอย่างในจักรวาล สร้างสรรพสิ่งในจักรวาล 
พระพรหมจึงมีฐานะเป็นเทพเจ้าสูงสุดมีพระมเหสี ชื่อ “พระสรัสวดี”
2.พระวิษณุ (พระนารายณ์) เป็นเทพผู้รักษา ภาพพระวิษณุนิยมทำเป็นรูป 4 กร ทรงตรีขรรค์ คฑา จักร และสังข์ มีชายา ชื่อ พระลักษมี พระวิษณุได้ลงมาอวตารเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับโลกที่ผ่านมามี 9 ปาง ปางที่ 7 คือพระราม ปางที่ 8 คือ ปางกฤษณะ (เกิดมาปราบคนชั่ว) และปางที่ 9 คือปางพระพุทธเจ้า (สถาปนาศาสนาพุทธ) ปางอวตารเป็นพระพุทธเจ้าของพระวิษณุ ซึ่งพราหมณ์มิอาจหยุดความรุ่งเรืองของพระพุทธเจ้าได้ จึงนำเข้ามาเป็นหลักในศาสนา เพื่อการยอมรับและไม่มีความแตกแยกในสังคมศาสนาในอดีต
3.พระศิวะ (พระอิศวร) เป็นเทพผู้ทำลาย ภาพพระศิวะ นิยมทำเป็นรูปฤาษีนุ่งห่มหนังสัตว์ประทับนั่งบนหนังเสือ มี 4 กร ถือ ตรีศูล ธนู ห้อยพระศอด้วยประคำหัวกะโหลก มีงูเป็นสังวาล มีพระมเหสี คือ พระแม่อุมาเทวี หลักตรีมูรติจึงมีผู้สร้าง ผู้รักษา และ ผู้ทำลาย